วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม
ยาเสพติด (คณะกรรมการ ป.ป.ส.) ครั้งที่ 3/2567 โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรี
ประจำกระทรวงมหาดไทย นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และคณะกรรมการ ป.ป.ส. ประกอบด้วย ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และพล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ทำหน้าที่กรรมการและเลขานุการ ณ ห้องประชุม 301 ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
นายภูมิธรรมฯ กล่าวในที่ประชุมว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากมติที่ประชุมครั้งที่ 2/2567 ที่ได้มีการรับรองหลักการสำคัญ
ในแผนปฏิบัติการฯ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการนำเสนอสถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่ ประจำปีงบประมาณ 2567 รวมถึงการรายงานความคืบหน้า
การดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด พร้อมทั้งนำเสนอผลการดำเนินการ และการแต่งตั้งคณะกรรมการติดตาม เร่งรัดการดำเนินงานฯ เพื่อให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือในการดำเนินงานป้องกัน
และปราบปรามยาเสพติด และเน้นย้ำถึงความสำคัญในการวางแผนปฏิบัติการฯ ปี 2568 ให้มีความชัดเจนขึ้น สอดคล้องกับสภาพปัญหา
และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะ
ในพื้นที่ที่ถูกกำหนดให้มีความจำเป็นเร่งด่วน
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้แจ้งที่ประชุมเกี่ยวกับความคืบหน้าเรื่องการดำเนินงานจัดทำอนุบัญญัติรองรับประมวลกฎหมายยาเสพติด ตามที่ได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้ใช้กฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 352/2567 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน และเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กับ เลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นรองประธาน โดยเลขาธิการ ป.ป.ส. จะขับเคลื่อนติดตามการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง 2 เดือน ต่อ 1 ครั้ง และจะปรับแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของแต่ละจังหวัด ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่สำนักงาน ป.ป.ส. เราจะไม่ตัดเสื้อโหลที่ให้ทุกจังหวัดแก้ปัญหาเหมือนกัน นอกจากนี้ที่ประชุมได้รับทราบผลการทำลายยาเสพติดของกลางจากสำนักงาน อย. และสำนักงาน ป.ป.ส. รวม 4 ครั้ง คิดเป็นน้ำหนักรวมเกือบ 87 ตัน รวมทั้งเห็นชอบในหลักการเพื่อให้หน่วยงานได้กำหนดทิศทาง
และนำไปปฏิบัติ จำนวน 4 เรื่อง ได้แก่ 1. (ร่าง) แผนปฏิบัติการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568,
2. (ร่าง) แผนปฏิบัติการโครงการหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน ระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2568 - 2570), 3. (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการระบุชื่อยาเสพติดให้โทษตามประมวลกฎหมายยาเสพติด และ 4. การพิจารณากำหนดพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตามมาตรา 5 (10) แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนภาคตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบ
ให้กำหนดพื้นที่ 5 อำเภอ ของจังหวัดกาญจนบุรี ได้แก่ อ.สังขละบุรี อ.ทองผาภูมิ อ.เมือง อ.ไทรโยค และอ.ด่านมะขามเตี้ย เป็นพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยให้กองทัพภาคที่ 1 เป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบในพื้นที่ดังกล่าว ภายใต้
หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคตะวันตก (นบ.ยส.17) โดยมี แม่ทัพภาคที่ 1
เป็นผู้บัญชาการ (ผบ.นบ.ยส.17) และ ผอ.ปปส.ภ.7 เป็นฝ่ายเลขานุการ
พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการกำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจนในการใช้ระบบติดตาม
ผู้กระทำผิดซ้ำด้วยกำไล EM เพื่อลดอัตราการกลับมากระทำผิดซ้ำ และเสนอให้มีการยกระดับการทำงานในระดับชุมชนโดยให้กำนัน
ผู้ใหญ่บ้าน ท้องถิ่น เข้ามามีส่วนร่วม และมีตัวชี้วัดความรับผิดชอบ ซึ่งประธานในที่ประชุมได้มอบหมายให้ ป.ป.ส. พิจารณาเพื่อแนวทาง
ปฏิบัติต่อไป
การประชุมครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง ด้วยการวางแผนเชิงรุก บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดปัญหายาเสพติดในประเทศอย่างยั่งยืน
รัฐบาลย้ำว่าปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายสำคัญที่จะเดินหน้ายกระดับการปราบปรามยาเสพติดให้เข้มข้นยิ่งขึ้น พร้อมขยายผลการดำเนินงานไปทั่วประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการเพิ่มมาตรการควบคุมพื้นที่ชายแดน เพื่อสกัดกั้น การลักลอบนำเข้ายาเสพติดอย่างจริงจัง โดยการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ส. ครั้งต่อไป จะประชุมในวันที่ 17 ธันวาคม 2567