วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม 2558 เวลา 10.00 น. พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ 39 (The 39th Meeting of Heads of National Law Enforcement Agencies, Asia and the Pacific-HONLEA) พร้อมด้วย พลเอก นิวัตร มีนะโยธิน ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นการประชุมในกรอบขององค์การสหประชาชาติในระดับกรรมาธิการย่อยของคณะกรรมาธิการยาเสพติดแห่งสหประชาชาติ โดยจัดเป็นประจำทุกปีตั้งแต่ปี 2517 เพื่อหารือใน 3 ประเด็นสำคัญได้แก่ปัญหาแนวโน้มการผลิต การลักลอบค้า และการบริโภคสารเคมีจำพวกเมทแอมเฟตามีน (Amphetamine) และสารออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท การแก้ไขและปฏิบัติการด้านพิสูจน์หลักฐาน แนวปฏิบัติที่ประสบผลสำเร็จในด้านนิติวิทยาศาสตร์ และ หารือในเรื่องความสอดคล้องของกฎหมาย และการปฏิบัติการในระดับสากล ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยผู้แทนที่ปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติดจากประเทศต่างๆ กว่า 30 ประเทศ Mr. Jeremy Douglas, UNODC Regional Representative for Southeast Asia and the Pacific และรวมทั้งประเทศไทย นำโดย นายณรงค์ รัตนานุกูล เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมผู้แทนจากสำนักงาน ป.ป.ส. กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรมศุลกากร กรมองค์การระหว่างประเทศ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รวม 130 คน ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพฯ
 

พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า “กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงาน ป.ป.ส. ได้ร่วมกับสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมหัวหน้าหน่วยปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ 39 (The 39 th Meeting of Heads of National Law Enforcement Agencies, Asia and the Pacific-HONLEA) ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยรัฐบาลไทยมีความรู้สึกยินดีที่มีการจัดประชุม HONLEA
ในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง ที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับการควบคุมเคมีภัณฑ์และสารตั้งต้น เพราะเชื่อมั่นว่า หากสามารถควบคุมเคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นไม่ให้เข้าสู่แหล่งผลิตได้ ก็จะสามารถยุติปัญหายาเสพติดในภาพรวมได้ ความร่วมมือระหว่างประเทศในการควบคุมเคมีภัณฑ์ รวมทั้งวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทชนิดใหม่ๆ เป็นเรื่องที่สำคัญ และได้ผลักดันเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่องทั้งในระดับอนุภูมิภาค และระดับภูมิภาค เพื่อให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับทุกประเทศ จึงใช้เวทีการประชุมนี้เรียกร้องให้ทุกประเทศตื่นตัวในการควบคุมเคมีภัณฑ์และการใช้สารตั้งต้นอย่างจริงจัง หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม จะได้นำมติและข้อเสนอที่ได้จากการประชุมมาปรับปรุงมาตรการในการปราบปรามปัญหาการลักลอบค้าและลำเลียงยาเสพติด ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นับเป็นการประชุมระหว่างประเทศที่มีความสำคัญในการต่อสู้กับปัญหาการลักลอบค้ายาเสพติดในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิค”

นายณรงค์ รัตนานุกูล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า “การประชุมครั้งนี้เป็นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการปราบปรามการค้ายาเสพติด ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม UNODC และ สำนักงาน ป.ป.ส. จะสรุปรายงานผลการประชุมให้คณะกรรมาธิการยาเสพติด (Commission on Narcotic Drugs -CND) ณ กรุงเวียนนารับทราบ เนื่องจาก HONLEA จัดเป็นคณะอนุกรรมการย่อยของคณะกรรมการ CND ซึ่งผลที่คาดว่าจะได้รับจากการประชุมครั้งนี้ คือ ข้อมูลด้านสถานการณ์ด้านยาเสพติดของแต่ละประเทศที่เป็นปัจจุบัน รวมถึงความพยายามของรัฐบาลในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ ด้านการสืบสวนร่วม การฝึกอบรมด้านการปราบปรามยาเสพติด การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์ต่างๆ ในการปราบปรามยาเสพติดพร้อมทั้งระดมความคิดหาวิธีการปฏิบัติที่ดีที่สุดจากแต่ละประเทศมาประยุกต์ใช้แก้ไขปัญหาการผลิต การลักลอบค้า และการ บริโภคสารเคมีจำพวกเมทแอมเฟตามีน (Amphetamine) และสารออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ปฏิบัติการด้านพิสูจน์หลักฐาน แนวปฏิบัติที่ประสบผลสำเร็จในด้านนิติวิทยาศาสตร์ และหารือในเรื่องความสอดคล้องของกฎหมาย และการปฏิบัติการในระดับสากล ตลอดจนผลการดำเนินงานด้านปราบปรามยาเสพติดของประเทศสมาชิกแต่ละประเทศ เป็นการสร้างเครือข่ายและเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกในด้านปราบปรามยาเสพติดให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนั้นการที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมดังกล่าวร่วมกับสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความพร้อมที่ประเทศไทยในฐานะที่เราเป็นสำนักงาน ป.ป.ส. อาเซียนจะเป็นแกนนำสำคัญในการขับเคลื่อนงานปราบปรามยาเสพติดในระดับภูมิภาคและอนุภูมิภาค เพื่อให้รองรับการเป็นประชาคมอาเซียนปลอดยาเสพติดช่วงสิ้นปี 2558 ต่อไป

การประชุม HONLEA นี้ เป็นนโยบายแรกใน 9 นโยบายขับเคลื่อนแผนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ปี 2559 ของสำนักงาน ป.ป.ส. ที่ได้มีการแถลงต่อสื่อมวลชน และต้องดำเนินการเชิงรุก โดยเน้นความร่วมมือกับต่างประเทศ เริ่มต้นจากประเทศในภูมิภาค และขยายไปยังนานาประเทศในการเฝ้าระวังปัญหายาเสพติด การดำเนินการตามแผนแม่น้ำโขงปลอดภัย การสกัดกั้นยาเสพติดและสารตั้งต้น การปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน และโครงการพัฒนาทางเลือก เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดในประเทศให้ได้อย่างยั่งยืน”