วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม 2558 เวลา 09.30 น. นายณรงค์ รัตนานุกูล เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นายเรวัต ประสงค์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายสุนทร วินัยบดี ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 1 นำทีมเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่ดำเนินการตามนโยบายการขับเคลื่อนแผนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด 9 + 9 ในเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน เพื่อรับฟังปัญหายาเสพติดในชุมชน พร้อมตรวจเยี่ยมการทำงานของหน่วยงาน ควบคู่กับการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนการแจ้งเบาะแสยาเสพติดผ่านสายด่วน 1386 รวมทั้งพูดคุยถึงแนวทางการดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติดพื้นที่ 3 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนแก้วนิมิตร จังหวัดปทุมธานี ชุมชนไผ่เขียวและชุมชนพยอม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 

ตามที่เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้ประกาศนโยบายการทำงานปี 2559 ด้วยการ “สานงานเก่า เสริมงานใหม่”เร่งดำเนิน 9 นโยบายขับเคลื่อนแผนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พร้อม 9 นโยบายพัฒนาสำนักงาน ป.ป.ส. เพื่อให้เกิดผลสำเร็จในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พร้อมวางระบบรากฐานนโยบายที่สำคัญเพิ่ม ไปเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2558 การลงพื้นที่ในครั้งนี้นับเป็น 3 พื้นที่แรกในการดำเนินนโยบายตามแผนการแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน ซึ่งเป็นนโยบายที่พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้ความสำคัญ เพราะเป็นปัญหาที่ใกล้ชิดและส่งผลกระทบต่อประชาชน เปรียบเสมือนปัญหา “หน้าบ้าน” จำเป็นต้องเร่งดำเนินการซึ่งในปี 2559 ได้กำหนดพื้นที่เป้าหมายทั่วประเทศรวม 200 ชุมชน โดยมีชุมชนแก้วนิมิตรรวมอยู่ด้วย ชุมชนแก้วนิมิตร เป็น 1 ในชุมชนแพร่ระบาดที่มีปัญหาวิกฤติ ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ 3 -  5 เทศบาลตำบลคลองหลวง ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เป็นชุมชนอยู่ในแหล่งพื้นที่ธุรกิจพื้นที่การค้า ประกอบกับมีโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลางและขยาดย่อมอยู่ในพื้นที่ จึงมีประชากรแฝง ทั้งเป็นคนไทยต่างถิ่น และคนต่างด้าว เข้ามาพักอาศัยอยู่ในชุมชนจำนวนมาก จากข้อมูลทางการข่าวและเฝ้าระวังของสำนักงาน ป.ป.ส. พบว่าสถานการณ์ลักลอบค้ายาบ้าในชุมชนแก้วนิมิต ส่วนใหญ่จะอยู่ท้ายซอยแหล่งซื้อขายหลักๆ จะอยู่เลียบคลอง เริ่มตั้งแต่ซอยคลองหลวง 38 จนถึงคลองหลวง 56 และที่เป็นแหล่งซื้อ-ขายที่สามารถหาซื้อยาบ้าได้ง่าย โดยเฉพาะซอยคลองหลวง 48 และคลองหลวง 50 ด้านผู้เสพสถิติการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน และเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.คลองหลวง ที่ทำงานในพื้นที่พบว่ามีจำนวนมากกว่า 120 คน ซึ่งถูกจับกุมในข้อหาเสพและถูกนำตัวเข้าบำบัดโดยคุมประพฤติ แต่ผู้เสพและลูกค้าหลักจะเป็นคนนอกชุมชน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ใช้แรงงาน ทำงานในบริษัทในพื้นที่นวนครและตลาดไทเป็นส่วนใหญ่ รองลงมาผู้ใช้แรงงานก่อสร้าง รับซื้อของเก่า พนักงานรักษาความปลอดภัย ค้าขาย และว่างงาน

ชุมชนไผ่เขียว เป็นชุมชนดั้งเดิมที่สำนักงาน ป.ป.ส. เข้าไปดำเนินการลดปัญหาการแพร่ระบาดและเสริมสร้างความเข้มแข็ง แต่เนื่องจากปัญหายาเสพติดมีลักษณะเป็นพลวัตรถือเป็นแหล่งค้าและแพร่ระบาดยาเสพติด เนื่องจากเป็นจุดพักยาเสพติดแหล่งใหญ่จากภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อเตรียมจำหน่ายในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และพื้นที่ภาคใต้จากสภาพแวดล้อมของชุมชนที่มีเส้นทางผ่านไปยังหลายพื้นที่ อยู่ติดถนนและใกล้ถนนพหลโยธิน จึงเป็นทั้งเส้นทางผ่านของยาเสพติด และเป็นจุดกระจายยาเสพติดรวมทั้งเป็นแหล่งที่มีการแพร่ระบาดของยาเสพติด จากการตรวจสอบข้อมูลผู้ที่อยู่อาศัยในชุมชนไผ่เขียว โดยสำนักงาน ป.ป.ส. พบว่าตัวยาเสพติดที่แพร่ระบาด คือ ยาบ้า เนื่องจากคนในชุมชนมีความยากจนจึงหันมาค้ายาเสพติด โดยเฉพาะยาบ้า เครือข่ายการค้ายาเสพติด มีความเชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่เคยต้องโทษคดียาเสพติดด้วยกันในพื้นที่ อำเภอวังน้อย อำเภอบางปะอิน และอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ซึ่งพื้นที่เหล่านี้เป็นพื้นที่รอยต่อของชุมชนไผ่เขียว ประกอบกับชุมชนไผ่เขียวเป็นพื้นที่จำหน่ายยาเสพติด สามารถหาซื้อได้ง่ายในชุมชน จึงมีกลุ่มผู้ขายที่แฝงตัวจำหน่ายในรูปแบบต่างๆ กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดจะดำเนินการในลักษณะเป็นเครือญาติกัน จะคอยปกปิดข้อมูลเมื่อมีการสอบถาม หรือการประชาคม จะคอยช่วยเหลือกัน กลุ่มผู้ที่ค้ารายย่อยในชุมชนมีพฤติการณ์เลียนแบบกัน เนื่องจากเห็นผู้จำหน่ายในชุมชนแล้วมีฐานะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงมีการค้ากันมากขึ้น  ชุมชนพยอม เป็นพื้นที่พักยาเสพติด และเป็นพื้นที่กระจายยาเสพติดไปสู่ผู้เสพทั้งที่เป็นคนในพื้นที่ และเป็นบุคคลภายนอกพื้นที่ ซึ่งโดยลักษณะพื้นที่ที่เป็นหอพัก เหมาะแก่การเก็บพักยาเสพติด และบุคคลที่เข้าพักอาศัย  เป็นคนนอกพื้นที่ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นประชากรแฝงประกอบอาชีพพนักงานโรงงาน จึงเป็นลักษณะชุมชนที่ต่างคน ต่างอยู่ ไม่สนใจความเป็นอยู่ และไม่สังเกตพฤติกรรมคนรอบข้าง จากข้อมูลผลการจับกุมคดี ยาเสพติดในพื้นที่พบว่ามีการจับกุมบุคคลที่นำยาเสพติดเข้ามาพักห้องเช่าเพื่อรอที่จะกระจายหรือส่งยาเสพติด รวมทั้งรายย่อย ที่ใช้หอพักเป็นแหล่งจำหน่ายยาเสพติดเป้าหมายการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมชุมชนในครั้งนี้ เพื่อรับฟังปัญหายาเสพติดในชุมชน เยี่ยมชาวบ้าน ดูสภาพความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน รวมไปถึงเพื่อพบปะพูดคุยกับผู้นำชุมชน ผู้ปฏิบัติงานพื้นที่ ซึ่งนอกจากเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ส. แล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยงานท้องถิ่น อาสาสมัคร ฯลฯ เข้ามาร่วมพูดคุยถึงแนวทางการดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ทั้ง 3 ชุมชน นอกจากนี้ยังมีการการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ช่องทางการรับเรื่องร้องเรียน การแจ้งเบาะแสยาเสพติดผ่านสายด่วน 1386 

นายณรงค์ รัตนานุกูล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า “การลงพื้นที่ชุมชนทั้ง 3 แห่งในครั้งนี้ เพื่อรับฟังปัญหาของชาวบ้านโดยเฉพาะปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด ซึ่งทำให้ได้รับข้อมูลข้อเท็จจริงจากปากคนในชุมชนอย่างแท้จริง รวมถึงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการในพื้นที่ หลังการลงพื้นที่ในครั้งนี้สำนักงาน ป.ป.ส. จะร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ โดยเฉพาะความร่วมมือของพี่น้องประชาชนทั้ง 3 ชุมชน รวมไปถึงพื้นที่อื่นๆ ที่พร้อมให้ความร่วมมือในการแจ้งเบาะแสยาเสพติดผ่านทางสายด่วน 1386 และจะดำเนินการต่อเรื่องร้องเรียนทั้งหมดอย่างเร็วที่สุด เพื่อให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชนเกิดขึ้นอย่างเข้มแข็ง ตามนโยบายของพลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ให้ความสำคัญ ดังนั้นจึงเป็นนโยบายสำคัญ 1 ใน 9 ของนโยบายการขับเคลื่อนแผนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน ที่ต้องดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม”