​

          วันที่ 16 ต.ค.58 นายณรงค์ รัตนานุกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 นายปวิน ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายวิชัย ไชยมงคล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 5 พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร และฝ่ายปกครอง เข้าทำการตรวจยึดทรัพย์สินและตัดวงจรทางการเงินนักค้ายาเสพติดเครือข่าย นายกิตติพันธ์ เอกสุริยโชค และผู้เกี่ยวเนื่องกับการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด มูลค่าทรัพย์สินประมาณ 80,000,000.- บาท ภายใต้ยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล
          ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2554 เจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจภูธรทุ่งหัวช้าง จังหวัดลำพูน ได้จับกุมนายมงคล รุ่งการเจริญ และนายสุรชัย ธนรัตน์ศิริกุล พร้อมด้วยของกลางเฮโรอีน จำนวน 123 แท่ง น้ำหนัก 43 กิโลกรัม โดยผู้ต้องหาให้การว่าได้รับการว่าจ้างจากนายกิตติพันธ์ เอกสุริยโชค หรือนายอะซือผะ เลาหมี หรือนายวีระพล เลาหมี ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของเครือข่ายค้าเฮโรอีนในเขตพื้นที่ภาคเหนือ ให้ลำเลียงยาเสพติดไปส่งที่ อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนติดตามจับกุมนายกิตติพันธ์ อย่างต่อเนื่อง จนเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2558 สามารถจับกุมตัวนายกิตติพันธ์ ได้ที่บริเวณห้างโลตัส สาขาตลาดคำเที่ยง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ขณะจับกุม นายกิตติพันธ์ ได้แสดงบัตรประจำตัวประชาชนชื่อนายเบเบ เลาชี ซึ่งเป็นการสวมบัตรประชาชนของบุคคลอื่น เพื่อใช้อำพรางตนให้รอดพ้นจากการจับกุมมาโดยตลอด
          สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 5 และตำรวจภูธรภาค 5 ได้บูรณาการกับหน่วยงานในพื้นที่ขยายผลจากชื่อนายกิตติพันธ์ เอกสุริยโชค นายเบเบ เลาชี และนายคายหยิง แซ่เฉื่อย ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันทั้งหมด จนสามารถตรวจสอบพบทรัพย์สินที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าเกี่ยวเนื่องกับการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และได้ทำการตรวจยึด อายัดทรัพย์สินได้หลายรายการ ชุดคอนโดมิเนียม จำนวน 1 ห้อง มูลค่าประมาณ 3 ล้าน 3 แสนบาท ทองรูปพรรณ จำนวน 12 รายการ มูลค่าประมาณ 4 แสนบาท บ้านพัก จำนวน 5 หลัง มูลค่าประมาณ 32 ล้านบาท ที่ดิน จำนวน 7 แปลง มูลค่าประมาณ 40 ล้าน 8 แสนบาท รถยนต์ จำนวน 2 คัน มูลค่าประมาณ 3 ล้านบาท และเงินในบัญชีธนาคาร มูลค่า 5 แสนบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่อายัดไว้เบื้อต้นประมาณ 80 ล้านบาท