วันจันทร์ที่ 14 กันยายน 2558 เวลา 09.00 น. นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต รองเลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นประธานเปิดงานเสวนาระดมความคิดเห็น เรื่อง “สถานการณ์ บทเรียน และข้อเสนอแนะเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันหญิงไทยมิให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการยาเสพติด” เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมจากหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องป้องกันหญิงไทยมิให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการยาเสพติดอย่างรอบด้านในทุกมิติปัญหา ทั้งการค้า การขนส่ง การเสพทั้งในและระหว่างประเทศ การเสวนาจะเริ่มตั้งแต่เวลา 09.00-12.00 น. โดยมีวิทยากรรับเชิญ ได้แก่ นายโวสิต วรทรัพย์ รองอธิบดีกรมการกงสุล นางสาวสุมล ถาวรวสุ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน นางสาวนัยนา สุภาพึ่ง ผู้อำนวยการมูลนิธิธีรนาถ กาญจนอักษร ดร.สุธาดา เมฆรุ่งเรืองกุล อนุกรรมาธิการด้านสตรี ในคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ พร้อมด้วย นายพงษ์ธร ศรีไพวรรณ ผู้อำนวยการส่วนปราบปราม 1 สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. โดยมีผู้เข้าร่วมการเสวนาจากทุกภาคส่วนของสังคม ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สื่อมวลชน และนักวิชาการ กว่า 200 คน ณ โรงแรม อีสติน มักกะสัน กรุงเทพฯ
        ปัจจุบันมีหญิงไทยเข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหายาเสพติดมากขึ้น ทั้งการเสพยาเสพติด การจำหน่ายยาเสพติด และการขนยาเสพติดข้ามชาติ เนื่องจากเทคโนโลยีการสื่อสารที่กว้างขึ้น ทำให้หญิงไทยติดต่อ หรือคบหาดูใจกับชายชาวต่างชาติมากขึ้น จึงมีแนวโน้มเกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติมากขึ้น โดยเฉพาะชาวแอฟริกัน ทั้งถูกหลอกให้ขนยาเสพติด หรือสมัครใจขนยาเสพติดเพราะต้องการเงิน จากข้อมูลของสำนักงาน ป.ป.ส. พบว่า ในรอบ 3 ปี (ปี 2555-2557) มีผู้หญิงไทยถูกจับกุมในต่างประเทศรวม 190 ราย 4 ประเทศที่มีสถิติจับกุมหญิงไทยมากที่สุดคือ บราซิล (35 ราย) ญี่ปุ่น (30 ราย) มาเลเซีย (16 ราย) และกัมพูชา (13 ราย) ตามลำดับ โดยของกลางยาเสพติดที่จับกุมได้ส่วนใหญ่เป็นไอซ์ โคเคน และเฮโรอีน มี 3 วิธีการที่นิยมใช้ในการซุกซ่อนและขนยาเสพติด ได้แก่ 1.การซุกซ่อนในกระเป๋าเดินทางโดยดัดแปลง 2.การซุกซ่อนมาในของใช้ส่วนตัว เช่น กระปุกครีม กระป๋องกาแฟ ขวดยาสระผม เป็นต้น 3.การซุกซ่อนในร่างกายโดยผ่านทางปาก ทวารหนัก และอวัยวะเพศ ซึ่งกฎหมายในบางประเทศการขนยาเสพติดข้ามชาติมีโทษถึงประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต นอกจากนี้ยังพบว่า สัดส่วนของผู้เสพยาเสพติดเพศหญิงที่เข้ารับการบำบัดรักษาการติดยาเสพติดมีเพิ่มขึ้นอีกด้วย 
       นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต รองเลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า “ผลที่คาดว่าจะได้หลังจากการเสวนาครั้งนี้ คือ แนวทางและกลไกการป้องกันไม่ให้หญิงไทยตกเป็นเหยื่อกระบวนการยาเสพติด และเกิดความเชื่อมโยงภาคีเครือข่ายการทำงานเพื่อป้องกันไม่ให้หญิงไทยเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด การที่ผู้หญิงไทยเข้าไปเกี่ยวข้องการกับกระบวนยาเสพติด โดยเฉพาะการขนยาเสพติดข้ามชาติ กฎหมายในบางประเทศมีบทลงโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีน สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม เป็นต้น จึงขอเตือนหญิงไทยให้ระมัดระวังและสังเกตพฤติกรรมของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวแอฟริกันที่เข้ามาทำความสนิทสนมและชักชวนให้ทำงาน เพราะบางครั้งกลุ่มคนเหล่านี้จะหลอกลวงหรือบังคับให้หญิงไทยที่เป็นภรรยาขนส่งยาเสพติด โดยมีเครือข่ายแอฟริกันดำเนินการทั้งเรื่องตั๋วโดยสารเครื่องบิน และค่าใช้จ่ายระหว่างเดินทาง”