ป.ป.ส. ร่วมกับ UNODC และ INCB เปิดตัวรายงานยาเสพติดประจำปี 2014

เมื่อวันที่ : 3 มี.ค. 2558 00:00
หน่วยงาน : สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
16 ครั้ง
ป.ป.ส. ร่วมกับ UNODC และ INCB เปิดตัวรายงานยาเสพติดประจำปี 2014

 3-3-58-rat01.JPG

      วันอังคารที่ 3 มีนาคม 2558 เวลา 11.00 สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ สำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) และคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ (INCB) เปิดตัวรายงานของ INCB ได้แก่ "รายงานประจำปี ค.ศ. 2014 ของ INCB" และรายงาน INCB เรื่อง "สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่มักถูกใช้ในการผลิตยาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทปี ค.ศ.2014"  ณ ห้องประชุม ชั้น 3 อาคารโรงอาหาร สำนักงาน ป.ป.ส.
        นางสาวรัชนีกร สรสิริ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้กล่าวชื่นชมรายงานประจำปีของ INCB ว่าให้ข้อมูลที่ ครอบคลุมและน่าเชื่อถือทั้งด้านสถานการณ์ยาเสพติดโลกในปัจจุบัน สถานการณ์เรื่องสารออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ รวมทั้งมาตรการการควบคุมสารดังกล่าว เป็นที่ทราบกันดีว่าปัญหายาเสพติดเป็นภัยคุกคามต่อทุกประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่อยู่ใกล้กับแหล่งผลิต เช่น ประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ในแต่ละปียาเสพติดจำนวนมากจะถูกลักลอบลำเลียงจากแหล่งผลิตเข้ามาในประเทศนั่นแสดงว่าสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ยังเล็ดลอดเข้าไปสู่แหล่งผลิต อาจกล่าวได้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมสารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยสามารถจับกุมยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟรดีนที่ท่าอากาศยาน และบริเวณแนวชายแดน ก่อนที่สารเหล่านี้จะถูกลักลอบสู่แหล่งผลิต ซึ่งในปริมาณที่จับกุมได้สามารถนำไปผลิตยาบ้าได้มากกว่า 100 ล้านเม็ดทีเดียว นอกจากนี้เมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ส. ได้จัดการประชุมร่วม 8 ประเทศ
        ด้านการควบคุมสารตั้งต้น ได้แก่ ประเทศกัมพูชา จีน อินเดีย เกาหลีใต้ ลาว เมียนมา ไทย และเวียดนาม เพื่อแลกเปลี่ยนสถานการณ์ กำหนดกลไกและแนวทางการทำงานควบคุมสารตั้งต้นดังกล่าวร่วมกัน หลังจากนั้นได้กล่าวขอบคุณ INCB ที่ได้เปิดตัวรายงานซึ่งมีประโยชน์ต่อรัฐบาลทั่วโลกในการศึกษาสถานการณ์และแนวโน้มของปัญหายาเสพติด
       หลังจากนั้นเป็นการบรรยายพิเศษของ ดร.วิโรจน์ สุ่มใหญ่ คณะกรรมการ INCB และนำเสนอรายงานประจำปี ค.ศ. 2014 ของ INCB โดย Mr. Matthew Nice ผู้ประสานงานการบริหารจัดการชายแดน ซึ่งสรุปได้ว่า 
       1. ประชากร 3 ใน 4 ของโลก ยังเข้าไม่ถึงการรักษาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดที่เหมาะสม ประชากรโลกประมาณ 5.5 พันล้านคนยังคงถูกจำกัด หรือไม่สามารถเข้าถึงยารักษาโรคที่มีส่วนผสมของยาเสพติด เช่น โคเดอีน หรือมอร์ฟีน เป็นส่วนประกอบได้
       2. ประมาณร้อยละ 92 ของมอร์ฟีนที่ใช้อยู่ทั่วโลก ถูกบริโภคโดยประชากรโลกแค่เพียงร้อยละ 17 เท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ยุโรปตะวันตก ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ อย่างไรก็ดี การใช้ยาแก้ปวดที่มีสารอนุพันธุ์ฝิ่นเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดในระดับที่ต่ำนี้ ไม่ได้เป็นผลมาจากการขาดแคลนวัตถุดิบที่ผลิตขึ้นอย่างถูกกฎหมาย แต่เกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น ระบบควบคุมบังคับที่ไม่ดีพอ การขาดการฝึกอบรมและความตระหนักในหมู่ผู้ปฏิบัติงานทางการแพทย์ หรือแม้แต่ทัศนคติทางวัฒนธรรมเกี่ยวกับการรักษาความเจ็บปวด
ข้อแตกต่างในเรื่องของการมียาเสพติด เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์อย่างเพียงพอ เป็นหนึ่งในข้อผูกมัดของรัฐบาลที่จะต้องปฏิบัติตามอนุสัญญาการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ (International Drug Control Conventions) แต่รัฐบาลก็ควรนำมาตรการต่างๆ มาใช้ เพื่อขจัดหรือลดจำนวนยาเสพติดหรือวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทที่ถูกใช้อย่างถูกกฎหมาย รวมถึงให้การรักษาสำหรับการใช้ยาเสพติดในทางที่ผิด ซึ่งเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจต่อความผิดปกติด้านสุขภาพของผู้ติดยาเสพติด ซึ่งจำเป็นต้องใช้มาตรการที่ซับซ้อน เช่น การป้องกัน การป้องกันในระยะเริ่มแรก การรักษา การฟื้นฟูสมรรถภาพ และการกลับคืนสู่สังคม
       3. จำนวนสารออกฤทธิ์แต่จิตและประสาทชนิดใหม่ (New psychoactive substances – NPS) เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากจำนวนสารฯ ดังกล่าวที่มีการแจ้งไว้แล้วจำนวน 388 สาร ในปี ค.ศ. 2014 เปรียบเทียบกับ 348 สารในปีก่อนหน้านี้ การขยายตัวของการใช้ NPS ทั่วโลกแสดงให้เห็นถึงธรรมชาติการเปลี่ยนแปลงของปัญหายาเสพติด
       รายงานฉบับนี้ได้บันทึกถึงการเพิ่มขึ้นร้อยละ 66 ของการบริโภคเมธิลเฟนิเดต (Methylphenidate)  สารกระตุ้นที่มักถูกใช้ในการบำบัดรักษาโรคสมาธิสั้น (Attention Deficit Hyperactivity Disorder – ADHD) ทั่วโลก เฉพาะในสหรัฐอเมริกาประมาณร้อยละ 11 ของเด็กอายุระหว่าง 4-17 ปี ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมาธิสั้น ส่วนในประเทศเยอรมัน ในระหว่างปี ค.ศ. 2006-2011 วินิจฉัยพบกรณีโรคสมาธิสั้นเพิ่มขึ้น โดยพบร้อยละ 42 ของเด็กและวัยรุ่นที่มีอายุต่ำกว่า 19 ปี INCB ยังบันทึกด้วยว่า วัยรุ่นและวัยหนุ่มสาวใช้ยาดังกล่าวในทางที่ผิดเพิ่มสูงขึ้น
        4. การออกกฎหมายเกี่ยวกับกัญชาในประเทศอุรุกวัย และบางรัฐในสหรัฐอเมริกา อุรุกวัย กลายเป็นประเทศแรกที่ออกกฎหมายให้การผลิต แจกจ่าย จำหน่ายและบริโภคกัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมาย และใช้อนุพันธุ์กัญชาเพื่อความบันเทิงขณะที่ในสหรัฐอเมริกา รัฐโคโลราโด วอชิงตัน โอเรกอน และอลาสกา และในบางเขตของรัฐโคลัมเบียอนุมัติการริเริ่มใช้กัญชาที่ไม่ใช่ในทางการแพทย์
        กฎหมายทั้งในอุรุกวัยและอำนาจศาลในบางรัฐของสหรัฐอเมริกา ไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดของอนุสัญญาปี ค.ศ. 1961 ซึ่งกำหนดให้รัฐบาลต้องจำกัดการใช้กัญชาเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ การออกกฎหมายของรัฐในสหรัฐอเมริกาเหล่านี้ยังขัดแย้งกับพระราชบัญญัติสารที่มีการ (the Controlled Substances Act)  ของรัฐบาลกลางซึ่งห้ามการผลิต ลักลอบค้า และครอบครองกัญชา  โดยจำแนกกัญชาให้อยู่ในกลุ่มสารที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกใช้ในทางที่ผิด และไม่มีคุณค่าในทางการแพทย์ตามผลการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์
          5. INCB เรียกร้องให้ยกเลิกโทษประหารชีวิตในความผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด มาตรการควบคุมยาเสพติดต้องมีความสัมพันธ์กับบริบท ซึ่งการดำเนินการของมาตรการเหล่านี้ ประเทศต่างๆ ต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อบังคับด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ขณะเดียวกันก็ขึ้นอยู่กับประเทศในตัดสินใจเกี่ยวกับ   ข้อเรียกร้องของ INCB ในการยกเลิกโทษประหารชีวิตในความผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
         6. แนวโน้มในภูมิภาค ภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงในส่วนของอัฟริกาที่ยังคงมีอยู่ ได้กระตุ้นให้การลักลอบค้ายาเสพติดผิดกฎหมายเพิ่มสูงขึ้น โดยอัฟริกาตะวันออกได้กลายเป็นเส้นทางขนส่งเฮโรอีนมุ่งสู่ตลาดในอัฟริกาใต้และอัฟริกาตะวันตกเพิ่มมากขึ้น อัฟริกาตอนใต้ยังคงเป็นศูนย์กลางการขนส่งเฮโรอีนและโคเคนทั่วโลก การแพร่ระบาดของการใช้กัญชาในทางที่ผิดยังคงเป็นเรื่องที่น่าวิตกที่สำคัญในทวีปนี้
 อเมริกากลางและ ประเทศแถบแคริบเบียน ยังคงถูกกลุ่มอาชญากรรมท้องถิ่นและข้ามชาติแสวงหาผลประโยชน์ ในฐานะเส้นทางขนส่งยาเสพติดผิดกฎหมายที่มีต้นกำเนิดในอเมริกาใต้มุ่งสู่จุดหมายปลายทางในอเมริกาเหนือและยุโรป การใช้ยาเสพติดในทางที่ผิดเพิ่มสูงขึ้นในหลายประเทศในภูมิภาค ขณะที่การลักลอบค้าโคเคน ยังคงเป็นแหล่งรายได้สูงที่สุดของกลุ่มองค์กรอาชญากรรม และยังคงพบแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของการผลิต    ยาเสพติดผิดกฎหมาย
          ภูมิภาคที่มีอัตราการตายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่สูงที่สุดในโลกคืออเมริกาเหนือ ในสหรัฐอเมริกา พบการเสียชีวิตจากการใช้ยาเสพติดเกินขนาด ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับสารอนุพันธุ์ฝิ่นที่มีใบสั่งยา มากกว่าการฆาตกรรมและการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน อย่างไรก็ดี กัญชายังคงเป็นยาเสพติดมีใช้อย่างกว้างขวาง รวมถึงถูกใช้ในทางที่ผิดและถูกลักลอบค้ามากที่สุดในอเมริกาเหนือ ที่น่าวิตกคือการใช้โดยเยาวชน จากการสำรวจการสูบบุรี่ในเยาวชนในประเทศแคนาดาแสดงในเห็นว่า มีการใช้กัญชามากที่สุดเป็นอันดับสองรองจากแอลกอฮอล์
 พื้นที่ปลูกโคคาในประเทศโบลิเวีย โคลัมเบีย และเปรู ระหว่างปี ค.ศ. 2007 และ 2013 ลดลง ประมาณ 1 ใน 3 โดยข้อกังวลพิเศษในอเมริกาใต้คือการบริโภคโคเคนในรูปแบบที่สามารถสูบได้ และยังพบว่าการใช้กัญชาในประเทศชิลีและโคลัมเบียเพิ่มสูงขึ้น พบว่าโคลัมเบียและปารากวัยเป็นประเทศต้นทางที่สำคัญที่สุดในการลักลอบนำพืชกัญชาข้ามแดนในอเมริกาใต้
         การขยายตัวของตลาดสารกระตุ้นประสาทกลุ่มแอมเฟตามีนผิดกฎหมายยังคงเป็นข้อกังวลใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในเอเชียใต้ การผลิต การลักลอบค้า และการใช้เมทแอมเฟตามีนในทางที่ผิดเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการเบี่ยงเบน การใช้ยาเตรียม (Pharmaceutical preparations) ที่มีส่วนผสมของยาเสพติดหรือสารออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทในทางที่ผิดก็เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นความท้าทายด้านยาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค พัฒนาการที่ยังคงมีอยู่ของการใช้อนุพันธุ์ฝิ่นในทางที่ผิด และการปลูกฝิ่นผิดกฎหมายในประเทศอัฟกานิสถานถือเป็นความท้าทายมากต่อภูมิภาคเช่นกัน การปลูกฝิ่นเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 ขณะที่การผลิตฝิ่นในประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมาร้อยละ 17 นอกจากนี้ยังพบการเพิ่มขึ้นในการลักลอบค้าเฮโรอีนจากอัฟกานิสถานผ่านศรีลังกา การจับกุมโดยเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้น 10 เท่า จาก 35 กิโลกรัมในปี ค.ศ. 2012 เป็น 350 กิโลกรัมในปี ค.ศ. 2013
         ในยุโรป การมีใช้และการใช้สารออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทชนิดใหม่ในทางที่ผิด ยังคงเป็น       ความท้าทายด้านการสาธารณสุขที่สำคัญ ตามตัวเลขที่บันทึกจำนวนการใช้ของสารที่ได้มีการแจ้งไว้ใหม่ ยุโรปตะวันออก และยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ พบอัตราการแพร่ระบาดสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก ทั้งผู้ฉีดยาเสพติด และ     ผู้ฉีดยาเสพติดที่ติดเชื้อ HIV การเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการใช้เฮโรอีนในทางที่ผิดลดน้อยลง ขณะที่การเสียชีวิตที่เชื่อมโยงกับสารสกัดฝิ่นสังเคราะห์เพิ่มสูงขึ้น การจับกุมเฮโรอีนตามเส้นทางบอลข่านเพิ่มสูงขึ้น และเฮโรอีนยังคงถูกนำมาแจกจ่ายอีกครั้งในประเทศเนเธอร์แลนด์ และมีเล็กน้อยในเบลเยี่ยมสำหรับตลาดผิดกฎหมายในยุโรปตะวันตก
        การปลูกกัญชาผิดกฎหมายในยุโรปตะวันตกและยุโรปกลาง ซึ่งส่วนมากเพื่อการบริโภคภายในประเทศ ยังคงแพร่หลาย แต่ยังคงมีการลักลอบนำเข้ากัญชาสู่ภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง อาทิ การขนส่งกัญชา ซึ่งส่วนมากจากโมร็อกโค และการลักลอบนำเข้าพืชกัญชา ซึ่งส่วนใหญ่มาจากแอลเบเนีย
 ตลาดที่กำลังขยายตัวของสารออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทชนิดใหม่ และอัตราที่สูงเมื่อเปรียบเทียบการใช้ยาเสพติดในทางที่ผิดในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เป็นที่น่ากังวล โดยกัญชายังคงเป็นยาเสพติดที่ถูกใช้ในทางที่ผิดและถูกผลิตเฉพาะแห่งอย่างชัดเจนมากที่สุด
        7. รายงานสารตั้งต้น INCB ให้ความสำคัญกับความต้องการในการควบคุมสารตั้งต้นที่เหมาะสมสำหรับอนาคต โดย INCB ได้ สนับสนุนการปรับระบบควบคุม ให้ความสำคัญกับมาตรการสมัครใจและความร่วมมือของภาคอุตสาหกรรมในทุกระดับมากขึ้น INCB ยังคงบันทึกแนวโน้มของผู้ลักลอบค้าที่กำลังมองหาเคมีภัณฑ์ ซึ่งทำขึ้นเป็นการเฉพาะ ซึ่งหาได้ไม่ง่ายนักข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์http://www.unis.unvienna.org/unis/en/events/incb_2015.html

3-3-58-rat02.jpg 


 
YouTube Instagram TikTok X Threads search download
Q&A FAQ