วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน 2557 เวลา 10.00 น. นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการ ป.ป.ส. และนางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วย ความร่วมมือ ในการบังคับโทษปรับคดียาเสพติดตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 เพื่อลดขั้นตอนการปฏิบัติงานให้กระชับและคล่องตัว ตลอดจนให้มีแนวทางปฏิบัติงานในทิศทางเดียวกันของทั้งสองหน่วยงาน เพื่อประโยชน์ของรัฐที่จะนำเงินค่าปรับเป็นรายได้เข้าแผ่นดินต่อไป ณ ห้องประชุมกฤษณะ ผลอนันต์ อาคาร 3 ชั้น 2 สำนักงาน ป.ป.ส.
พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 มาตรา 21 ในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษปรับได้กำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจตรวจสอบทรัพย์สินและให้ถือว่าเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ซึ่งในการบังคับโทษปรับ โดยการยึด/อายัดทรัพย์สินของผู้ต้องโทษปรับนั้น จะต้องดำเนินการโดยกรมบังคับคดี ที่ผ่านมาการดำเนินการ ในการบังคับโทษปรับมีความยุ่งยากซับซ้อนในระเบียบและแนวทางปฏิบัติ ถือเป็นปัญหาและอุปสรรคสำคัญ ในการปฏิบัติงานบังคับโทษปรับทำให้ขาดความคล่องตัว ประกอบกับปริมาณคดียาเสพติดเพิ่มมากขึ้นทุกปี จึงจำเป็นต้องลดขั้นตอนการปฏิบัติงานให้เกิดความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และสามารถดำเนินการยึดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดได้อีกทางหนึ่ง นอกจากที่มีการยึดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 แล้วก็ตาม หากผู้กระทำความผิดยังมีทรัพย์สินที่ไม่สามารถดำเนินการยึด/อายัดทรัพย์ได้ตาม พ.ร.บ. มาตรการฯ ดังกล่าว การบังคับโทษปรับตามคำพิพากษาของศาลก็สามารถยึดอายัดทรัพย์สินที่ไม่ได้ถูกยึดได้อีกทางหนึ่ง
นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการ ป.ป.ส. จึงได้หารือร่วมกับ นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม และวันที่ 11 กันยายน 2557 ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมฯ มีมติให้ร่วมกันจัดทำข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการบังคับโทษปรับคดียาเสพติดตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดี ยาเสพติด พ.ศ. 2550 ขึ้น เพื่อลดขั้นตอนการปฏิบัติงานให้กระชับ และมีความคล่องตัว อาทิ การยึดทรัพย์สิน
กรมบังคับคดีจะกำหนดเจ้าหน้าที่ผู้ประสานงานไว้ชัดเจน การอายัดทรัพย์สิน ประเภทการอายัดเงินฝากในบัญชีธนาคารของผู้ต้องโทษปรับในคดียาเสพติดปรับขั้นตอนให้สะดวกรวดเร็วขึ้น ปรับรูปแบบ โดยสำนักงาน ป.ป.ส. จะให้การสนับสนุนด้านวิชาการ บุคลากร หรืออื่นๆ ทั้งนี้ เพื่อให้การบังคับโทษปรับเกิดประสิทธิภาพตรงตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า “การจัดทำข้อตกลงในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ร่วมกันในการปฏิบัติงาน เนื่องจาก สำนักงาน ป.ป.ส. เป็นหน่วยงานของรัฐ จำเป็นจะต้องมีวิธีการดำเนินการที่แตกต่างไป
จากเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งทั่วไป เพื่อให้เกิดความรวดเร็วและเป็นธรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และการจัดทำข้อตกลงนี้จะนำไปสู่การกำหนดแนวทางปฏิบัติงานของกรมบังคับคดี และ สำนักงาน ป.ป.ส. ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของรัฐที่จะนำเงินค่าปรับเป็นรายได้เข้าแผ่นดินต่อไป ในอนาคตปริมาณคดีการบังคับคดีมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นทุกปี ซึ่งหากมีข้อขัดข้องในการปฏิบัติงาน หรือในการประสานงาน
ในขั้นตอนใดหรือกับหน่วยงานใดก็อาจจะมีการขยายความร่วมมือในการจัดทำข้อตกลงระหว่างหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานบังคับโทษปรับให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป”