ป.ป.ส. กำหนดแนวทางปฏิบัติการแก้ไขปัญหายาเสพติด มุ่งแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามคำสั่ง คสช.

เมื่อวันที่ : 9 ก.ค. 2557 00:00
หน่วยงาน : สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
9 ครั้ง

9 กรกฎาคม 2557 เวลา 10.00 น. ที่สำนักงาน ป.ป.ส. นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการ ป.ป.ส.   ได้ชี้แจงแนวทางการดำเนินการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ       ที่ 41/2557 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2557 เรื่อง การปราบปรามและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด และตามนโยบายที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมได้สั่งการกับหน่วยงานองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้กำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดผลกระทบที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนและสังคมโดยรวม

              นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนก่อนการประชุมมอบแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้กับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ป.ป.ส. ว่า สำนักงาน ป.ป.ส. ในฐานะเป็นหน่วยยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดของประเทศ  มีบทบาทในการให้ข้อเสนอการแก้ไขปัญหายาเสพติด และรายงานข้อมูลการข่าวยาเสพติดให้กับทุกรัฐบาล รวมถึง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อกำหนดนโยบายในระดับชาติ ซึ่งเป็นบทบาทที่สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ปฏิบัติมาโดยตลอด และตามที่ คสช. มีคำสั่ง ที่ 41/2557 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2557 ซึ่งเป็นคำสั่งที่มีเจตนารมณ์ในการมุ่งแก้ไขปัญหายาเสพติด และได้รับการขานรับจากสังคมอย่างมากมายที่หวังให้ปัญหายาเสพติดลดลงและหมดไปได้อย่างยั่งยืน ในส่วนของสำนักงาน ป.ป.ส. จึงได้กำหนดมาตรการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติด 5 มาตรการ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติการในระยะสั้น โดยหวังผลภายใน 3 เดือน เพื่อนำเสนอต่อ คสช. คือ

  1. มาตรการควบคุมแนวชายแดน – เป็นการปฏิบัติการควบคุมตามแนวชายแดน การสกัดกั้นยาเสพติด การตั้งด่านตรวจด่านสกัด การสืบค้นตรวจจับและทำลายเครือข่ายการค้าตามแนวชายแดน
  2. มาตรการควบคุมเจ้าหน้าที่รัฐมิให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด – เป็นการควบคุมปัจจัยการสนับสนุน คุ้มครองให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น โดยให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่งชี้แจง เน้นย้ำ และควบคุมมิให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดเข้าไปเกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด หากพบจะดำเนินการสั่งให้ออกโดยทันที ก่อนตั้งกรรมการสอบสวนตามขั้นตอน
  3. มาตรการควบคุมการค้าฯ ในเรือนจำ – เป็นการตัดวงจรการค้ารายสำคัญจากเรือนจำสู่ภายนอก โดยนำผู้ต้องขังรายสำคัญมาก ที่มีพฤติการณ์ค้ายาเสพติดจากเรือนจำทั่วประเทศ 400 คน เข้าควบคุมในแดน 6 เรือนจำความมั่นคงสูงเขาบิน จ.ราชบุรี เพื่อควบคุมและตัดวงจรการค้าในเรือนจำ และเสริมประสิทธิภาพการคุมขังให้เข้มงวดสูงสุด
  4. มาตรการควบคุมพื้นที่การค้าฯ รุนแรง – เป็นการควบคุมและตัดวงจรการค้า โดยจัดให้มีการบูรณาการร่วมกันดำเนินการสืบสวน ปราบปราม โดยการปิดล้อม ตรวจค้น จับกุม ขยายผล และยึดอายัดทรัพย์ในทุกคดี รวมทั้งลดความเดือดร้อนของประชาชนด้วยการดำเนินการต่อข้อร้องเรียน ทั้งนี้ทุกจังหวัดต้องลดความรุนแรงของปัญหาให้ได้โดยเร็ว และให้มีการบังคับโทษสูงที่สุด สำหรับนักโทษรายสำคัญมาก ที่ยังคงมีพฤติการณ์ค้าฯ ในเรือนจำอยู่
  5. มาตรการควบคุมพื้นที่เสี่ยงและปัจจัยเสี่ยง – เป็นการปฏิบัติการให้ทุกจังหวัดมีกองกำลังทั้งหน่วยพลเรือน ตำรวจ และทหาร รับผิดชอบปฏิบัติการเพื่อป้องกันปัจจัยเสี่ยงในพื้นที่ และดำเนินการด้านข้อมูลการข่าว
    เร่งดำเนินการลดจำนวนผู้เสพด้วยการบำบัดฯ โดยยึดหลักคุณภาพ สร้างภูมิคุ้มกันทั้งในและนอกสถานศึกษา รวมถึง
    ในชุมชนและครอบครัว เพื่อควบคุมป้องกันมิให้มีผู้เสพรายใหม่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังจัดให้มีศูนย์ควบคุมและสอบถามบุคคลด้านยาเสพติด (ศคส.) เพื่อหาข่าวข้อมูล ปรับพฤติกรรม และเฝ้าติดตามพฤติกรรมของผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

                   โดยคาดหวังว่า ภายในระยะเวลา 3 เดือน ผลสัมฤทธิ์จากการปฏิบัติการตามมาตรการที่ต้องเกิดขึ้น คือ
  6. ปัญหายาเสพติดในภาพรวม ต้องลดลงและควบคุมได้อย่างชัดเจนผู้ค้าและผู้เสพฯ ต้องถูกดำเนินการอย่างเหมาะสม และมีจำนวนลดลงปริมาณยาเสพติด ต้องลดลงอย่างเห็นได้ชัดและไม่แพร่หลาย โดยประเมินผลจากราคายาเสพติดสังคม ต้องมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติดและปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดความพึงพอใจจากสังคมต่อปัญหายาเสพติด ต้องอยู่ในระดับเป็นที่น่าพอใจทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด ต้องบูรณาการการปฏิบัติในทุกมิติให้มีประสิทธิภาพ

                   นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวทิ้งท้ายว่า "ทั้ง 5 มาตรการนี้ เป็นปฏิบัติการระยะสั้น หวังผลในระยะเวลา 3 เดือน โดยมี พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา เป็นผู้อำนวยการขับเคลื่อนแผนในระดับชาติ มีสำนักงาน ป.ป.ส. เป็นหน่วยงานอำนวยการในส่วนกลาง ในระดับจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นกลไกในการอำนวยการแผน โดยตั้งเป้าหมายให้สถานการณ์ปัญหายาเสพติดคลี่คลายลง จนสามารถควบคุมได้ ซึ่งในวันที่ 10 กรกฎาคม 2557 เวลา 09.00 น. พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา จะเป็นประธานการประชุมมอบนโยบายให้กับผู้บริหารส่วนราชการระดับกรม/จังหวัด/อำเภอในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และผู้บริหารส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประมาณ 1,300 คน ณ สโมสรทหารบก เพื่อให้ทุกหน่วยงานร่วมกันบูรณาการเป้าหมาย บูรณาการกลไกการทำงาน และบูรณาการแผนงานและงบประมาณ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยมุ่งหวังเอาชนะยาเสพติดให้ได้อย่างยั่งยืนซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของสังคม และ คสช."

ข่าวอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

YouTube Instagram TikTok X Threads search download
Q&A FAQ