ป.ป.ส. เข้าร่วมการศึกษาดูงานด้านการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด ระหว่างวันจันทร์ที่ 15 – วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม 2568 ณ กรุงฮานอย จังหวัดฟู้เถาะ และจังหวัดเซินลา สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

เมื่อวันที่ : 18 ธ.ค. 2568 18:23
หน่วยงาน : สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
46 ครั้ง

พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล เลขาธิการ ป.ป.ส. มอบหมายให้นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย พร้อมด้วยผู้แทนสำนักงาน ป.ป.ส. เข้าร่วมการศึกษาดูงานด้านการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด ระหว่างวันจันทร์ที่ 15 – วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม 2568 ณ กรุงฮานอย จังหวัดฟู้เถาะ และจังหวัดเซินลา สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

สำหรับการศึกษาดูงานในวันอังคารที่ 16 ธันวาคม 2568 คณะผู้แทนไทยได้ศึกษาดูงานด้านการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดบริเวณด่านพรมแดน ณ กรมศุลกากรเวียดนาม กรุงฮานอย โดยมีนายดัง วัน ดึ๊ก รองหัวหน้ากองสืบสวนปราบปรามการลักลอบ กรมศุลกากรเวียดนาม ให้การต้อนรับ ในการนี้ คณะผู้แทนได้รับฟังการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานด้านการสกัดกั้นยาเสพติด รวมถึงเส้นทางการลำเลียงในพื้นที่ด่านชายแดน ทั้งทางบก ทางอากาศ และทางน้ำ ซึ่งพบปัญหาสำคัญ อาทิ การลักลอบนำเข้ายาอีและโคเคนจากประเทศในอเมริกาใต้และยุโรป โดยใช้เวียดนามเป็นจุดแวะพักก่อนส่งต่อไปยังประเทศปลายทาง ซึ่งฝ่ายเวียดนามได้แสดงความกังวลต่อแนวโน้มการลักลอบนำเข้ายาเสพติดที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากรูปแบบการกระทำความผิดมีความซับซ้อน มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการขนส่งและการติดต่อสื่อสารผ่านแอปพลิเคชัน เช่น Telegram และ Viber อีกทั้งยังพบการลักลอบซุกซ่อนยาเสพติดผ่านพัสดุภัณฑ์และสัมภาระผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการใช้ช่องทางออนไลน์เป็นสื่อกลางให้ผู้ซื้อและผู้ขายเข้าถึงยาเสพติดได้สะดวกยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ ฝ่ายเวียดนามจึงเสนอให้มีการพัฒนาความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนข่าวกรองด้านการลักลอบนำเข้า–ส่งออกยาเสพติด การสืบสวนสอบสวน ตลอดจนการจัดฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ร่วมกันระหว่างหน่วยงานศุลกากรของทั้งสองประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

ในโอกาสนี้ ฝ่ายไทยได้ขอความร่วมมือจากฝ่ายเวียดนามในการแจ้งเตือนข้อมูลเกี่ยวกับการส่งออกกาเฟอีนไปยัง สปป. ลาว เนื่องจากมีความเชื่อมโยงกับการนำไปใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ รวมถึงขอข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทนำเข้า–ส่งออกสารเคมีที่มีความเสี่ยง เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายสามารถประสานงานและเฝ้าระวังการลักลอบผลิตยาเสพติดได้อย่างใกล้ชิด

ต่อมาในช่วงบ่าย คณะผู้แทนไทยได้เข้ารับฟังการบรรยายเกี่ยวกับผลการดำเนินงาน สถานการณ์ปัญหายาเสพติด นโยบายและมาตรการด้านการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด รวมถึงการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ของฝ่ายเวียดนาม โดยมีพันตำรวจเอก (พิเศษ) ฮว่าง ก๊วก เหวียด (Pol.Sr.Col. Hoang Quoc Viet) รองอธิบดีกรมตำรวจต่อสู้ยาเสพติดเวียดนาม (Counter Narcotics Police Department of Vietnam: CND) และเจ้าหน้าที่ CND ให้การต้อนรับ ณ กรมตำรวจต่อสู้ยาเสพติด กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ กรุงฮานอย ในการนี้ ฝ่ายเวียดนามได้บรรยายสรุปสถานการณ์และแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติดของประเทศเวียดนาม พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศ ทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี เนื่องจากปัญหายาเสพติดยังคงมีความซับซ้อนและส่งผลกระทบต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศเวียดนามและประเทศไทย โดยฝ่ายเวียดนามได้แสดงความขอบคุณต่อความร่วมมือของฝ่ายไทย
ในการประสานงานตรวจสอบข้อมูลบุคคลเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายการลักลอบขนส่งกัญชาจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาชาวเวียดนามได้จำนวน 3 ราย รวมทั้งการสนับสนุนงบประมาณภายใต้โครงการ LoA นอกจากนี้ ฝ่ายเวียดนามยังได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกรณีหญิงชาวไทยลักลอบขนส่งโคเคนจากประเทศเอธิโอเปียผ่านเวียดนามเพื่อส่งต่อไปยัง สปป. ลาว ซึ่งฝ่ายไทยยินดีประสานข้อมูลผ่านอัครราชทูตที่ปรึกษาด้านควบคุมยาเสพติด ประจำกรุงฮานอย ต่อไป
ในโอกาสนี้ ฝ่ายไทยได้ขอความสนับสนุนจากฝ่ายเวียดนามในประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. การขับเคลื่อนการดำเนินงานของศูนย์ประสานงานแม่น้ำโขงปลอดภัยของฝ่ายเวียดนาม ผ่านการเป็นเจ้าภาพโครงการตั้งแต่เดือนมีนาคม 2569 เป็นต้นไป โดยขอให้มีการกำหนดเป้าหมายการสืบสวนร่วมกันของทั้ง 6 ประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงอย่างเป็นรูปธรรม
2. ผลักดันให้ สปป. ลาว เสริมความเข้มแข็งและความเข้มงวดของด่านตรวจยาเสพติด
3. การพิจารณามาตรการควบคุมกาเฟอีนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบการนำเข้า–ส่งออกสารเคมีที่มีความเสี่ยง
ในช่วงท้ายของการศึกษาดูงาน หัวหน้าคณะผู้แทนไทยได้กล่าวขอบคุณฝ่ายเวียดนามสำหรับความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ พร้อมทั้งเน้นย้ำว่าการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งจะส่งผลดีต่อประชาชนของทั้งสองประเทศและความปลอดภัยในภูมิภาคต่อไป


จากนั้น ในวันที่สองของการศึกษาดูงาน (วันพุธที่ 17 ธันวาคม 2568) คณะผู้แทนไทยได้เดินทางไปยังสถานีตำรวจฮวาบิ่ญ จังหวัดฟู้เถาะ โดยมีพันตำรวจเอก (พิเศษ) เจื่อง หว่าน ไห่ (Pol.Sr.Col. Truong Quang Hai) รองผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดฟู้เถาะ ให้การต้อนรับ เพื่อรับฟังการบรรยายการดำเนินงานด้านการสกัดกั้น
ยาเสพติดในพื้นที่ตอนใน รวมถึงศึกษาผลการดำเนินงาน ปัญหาและอุปสรรค ในการปฏิบัติงานของด่านตรวจตัลลัค ซึ่งเป็นด่านสำคัญในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนทางภาคตะวันตก
เฉียงเหนือเข้าสู่พื้นที่ตอนในประเทศ ผ่านเส้นทางหลวงหมายเลข 6 ที่มุ่งสู่กรุงฮานอย
ด่านตรวจตัลลัคได้รับการสนับสนุนงบประมาณภายใต้โครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ (LoA) อาทิ 
การติดตั้งกล้องวงจรปิด จำนวน 11 ตัว และรถยนต์ 1 คัน ซึ่งฝ่ายเวียดนามได้กล่าวขอบคุณสำหรับการสนับสนุนดังกล่าว เนื่องจากช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน อย่างไรก็ตาม ฝ่ายเวียดนามได้เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับกล้องวงจรปิดพร้อมระบบตรวจจับป้ายทะเบียนอัตโนมัติ เนื่องจากยังมีข้อจำกัดด้านการติดตั้งกล้องตามเส้นทางที่ยังไม่ครอบคลุมต่อเนื่อง และไม่สามารถตรวจจับหมายเลขทะเบียนรถได้ ฝ่ายไทยยินดีให้การสนับสนุนผ่านกรมตำรวจต่อสู้ยาเสพติดเวียดนาม ซึ่งจะพิจารณาความเหมาะสมในการขอรับการสนับสนุนงบประมาณภายใต้โครงการ LoA ประจำปีงบประมาณ 2569 ในภาพรวมของฝ่ายเวียดนาม นอกจากนี้ หัวหน้าคณะผู้แทนไทยยังได้แลกเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับการนำระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการวิเคราะห์เส้นทางและติดตามเป้าหมาย เพื่อเพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน รวมถึงช่วยลดภาระของเจ้าหน้าที่ โดยฝ่ายไทยยินดีพิจารณาการติดตั้งโปรแกรมรวมทั้งการจัดการศึกษาดูงานด้านการใช้งานระบบดังกล่าวให้แก่ฝ่ายเวียดนามต่อไป


นอกจากนี้ ในวันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม 2568 คณะผู้แทนฯ ได้เดินทางไปยังสถานีตำรวจแขวงหมอกเซิน จังหวัดเซินลา โดยมีพันตำรวจเอก (พิเศษ) หว่าง วิง เหียน (Pol.Sr.Col. Hoang Vinh Hien) รองผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดเซินลา ให้การต้อนรับ โดยได้รับฟังการบรรยายสรุปแนวทางและผลการดำเนินงานสกัดกั้นชายแดนในพื้นที่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญที่เชื่อมโยงกับแหล่งผลิตในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำและอยู่ตรงข้ามชายแดนกับ สปป.ลาว ในจังหวัดหัวพัน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการประสานความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับตำรวจในพื้นที่ลาวอย่างใกล้ชิด และได้นำไปสู่การสกัดกั้นยาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพ


อย่างไรก็ตาม ยังพบปัญหาอุปสรรคสำคัญ คือ การขาดแคลนเครื่องมือเทคโนโลยีที่ใช้ในการสกัดกั้นและติดตามตัวบุคคล
เป้าหมาย อาทิ เครื่องเอกซเรย์ยานพาหนะ กล้องตรวจจับภาพและยานพาหนะ เครื่องมือติดตามสืบสวนเป้าหมาย ฯลฯ และขาดการพัฒนาศักยภาพบุคลากร โดยหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนดังกล่าวจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและต่างประเทศ  


ในการนี้ ฝ่ายไทยได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนไทย-ลาว พร้อมทั้งชื่นชมผลการดำเนินงานของฝ่ายเวียดนาม และพร้อมให้การสนับสนุนการทำงานของตำรวจภูธรจังหวัดเซินลา โดยผ่านการพิจารณาจัดทำคำขอของ CND ในภาพรวมของฝ่ายเวียดนาม ในโครงการ LoA ประจำปีงบประมาณ 2569 ต่อไป

YouTube Instagram TikTok X Threads search download
Q&A FAQ