เมื่อวันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.30 น. ณ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล เลขาธิการ ป.ป.ส. มอบหมายให้ นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ร่วมกล่าวต้อนรับผู้แทนจากประเทศสมาชิกภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่าย ว่าด้วยการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาค (Mekong MOU) ในการประชุมทางเทคนิคระดับภูมิภาคว่าด้วยการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ (Regional Technical Meeting on Chemical Control) ซึ่งจัดโดยสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime: UNODC)
นายอภิกิตฯ ได้เน้นย้ำความท้าทายจากสถานการณ์การรั่วไหลของสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ โดยเฉพาะการที่เครือข่ายองค์กรอาชญากรรมด้านยาเสพติดได้นำสารเคมีที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุม (Non-controlled chemicals) ตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติดและวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ค.ศ. 1988 (United Nations Convention against Illicit Traffic in Narcotic Drugs and Psychotropic Substances, 1988) รวมทั้งสารเคมีที่มีผลิตขึ้นมาใหม่เพื่อใช้ในการลักลอบผลิตยาเสพติด (Designer chemicals) ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามร่วมในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงที่ประเทศสมาชิกจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องร่วมกันอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้สารเคมีเหล่านี้รั่วไหลไปสู่แหล่งผลิตและลดผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างต่อไปในอนาคต
นายอภิกิตฯ กล่าวว่าการประชุมทางเทคนิคฯ ถือเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศสมาชิกจะได้แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ระหว่างกัน รวมทั้งเรียนรู้เชิงลึกเกี่ยวกับประเภทสารตั้งต้นที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดชนิดต่าง ๆ และการใช้ระบบการสื่อสารเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ (Precursors Incident Communication System: PICS) ซึ่งเป็นเครื่องมือสนับสนุนการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่เป็นไปตามข้อบังคับระหว่างประเทศ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แต่ละประเทศได้แลกเปลี่ยนข้อมูลเหตุการณ์สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์แบบเรียลไทม์ โดยหวังว่าสิ่งที่ได้รับจากการประชุมในครั้งนี้ แต่ละประเทศจะสามารถนำไปปรับใช้ในการทำงานตามบริบทของประเทศตนเอง ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความร่วมมือและเครือข่ายในระดับภูมิภาคในการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้ยืนยันเจตนารมณ์ของประเทศไทยในการแบ่งปันข้อมูลรายการสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษในระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง การพัฒนากลไกในการติดตามสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ทั้งที่อยู่และไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุม ตลอดจนมุ่งมั่นทำงานร่วมกับ UNODC และประเทศสมาชิกกรอบบันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่ายฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อจัดการกับความท้าทายดังกล่าวร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน
ได้เน้นย้ำว่าความร่วมมือกับภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทอุตสาหกรรมยา สารเคมี และบริษัทขนส่งสารเคมี เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้การควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืนอีกด้วย
ขณะเดียวกัน ด้านนางสาวเดลฟีน ช้านท์ซ (Ms. Delphine Schantz) ผู้แทน UNODC ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก ได้ร่วมกล่าวเปิดการประชุมทางเทคนิคฯ โดยแสดงความขอบคุณสำนักงาน ป.ป.ส. ที่ให้การสนับสนุนและร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเชิงเทคนิคฯ รวมถึงเน้นย้ำความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกกรอบบันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่ายฯ ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลการนำเข้าหรือส่งออกสารเคมีที่ต้องสงสัยให้มากขึ้นและทันท่วงทีก่อนที่จะรั่วไหลไปสู่แหล่งผลิต โดยกล่าวถึงช่องว่างที่นำไปสู่การรั่วไหลที่จำเป็นต้องร่วมกันแก้ไข อาทิ การขาดความเข้าใจภาพรวมของการเคลื่อนย้ายของสารเคมีและช่องทางที่นำไปสู่การรั่วไหลของสารเคมี การสื่อสารและการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระหว่างหน่วยงานภาครัฐที่กำกับดูแลการออกใบอนุญาต การตรวจปล่อยและพิธีการศุลกากร การตรวจสอบพัสดุภัณฑ์ และการปฏิบัติการบริเวณท่าเรือ เป็นต้น อีกทั้งยังให้ข้อเสนอแนะให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องปรับปรุงการประสานการปฏิบัติการประจำวัน เพิ่มความพร้อมในการประสานงานร่วมกัน และทำให้แน่ใจว่ามีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข้ามแดนอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถตรวจสอบการนำเข้าหรือส่งออกสารเคมีที่ต้องสงสัยได้โดยไม่ถูกละเลยจากความล่าช้าในการประสานงานระหว่างกัน
ทั้งนี้ การประชุมทางเทคนิคฯ เป็นการประชุมภายใต้เอกสารข้อริเริ่มของจีนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดสังเคราะห์ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงของกรอบบันทีกความเข้าใจ 7 ฝ่ายฯ ซึ่งมีผู้แทนจากประเทศสมาชิกหกประเทศเข้าร่วมทั้งในรูปแบบการเข้าร่วมด้วยตนเองและออนไลน์ โดยมี UNODC เป็นฝ่ายเลขานุการ คณะผู้แทนไทยประกอบด้วย ผู้แทนจากสำนักงาน ป.ป.ส. กรมศุลกากร กรมโรงงานอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ประชุมร่วมกับผู้แทนจากประเทศสมาชิกหกประเทศ ได้แก่ กัมพูชา จีน ลาว เมียนมา ไทย และเวียดนาม และผู้แทนจาก UNODC มีระยะเวลา 5 วัน ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 24 - วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ณ กรุงเทพมหานคร รวมถึงการศึกษาดูงานการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ในวันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2568 โดยการประชุมทางเทคนิคฯ จะเน้นการเสริมสร้างองค์ความรู้เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือในการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่มีการลักลอบนำมาใช้ในการผลิตยาเสพติดชนิดต่าง ๆ และเพิ่มศักยภาพในการใช้ระบบ PICS ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ในขณะที่การศึกษาดูงานฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประเทศสมาชิกกรอบบันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่ายฯ ได้รับทราบถึงบทบาทของท่าเรือฯ และกรมศุลกากร ในการป้องกันการรั่วไหลของสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ รวมถึงความสำคัญของการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง