วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 นายดนุชา ไชยวงค์ ผู้อำนวยการส่วนอำนวยการและบังคับใช้กฎหมาย นำเจ้าหน้าที่ ปปส.ภาค 5 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรฝาง ลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนผ่านสายด่วน ป.ป.ส. 1386 ในพื้นที่หมู่ 3 ตำบลแม่สูน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ หลังได้รับแจ้งว่ามีประชาชนในพื้นที่เสพยาเสพติดจนมีอาการประสาทหลอน หงุดหงิดง่าย และข่มขู่จะทำร้ายร่างกายผู้อื่น
จากการตรวจสอบ พบบุคคลตามเรื่องร้องเรียน แต่ไม่มีลักษณะอาการเหมือนคนเสพยาเสพติด เพียงแต่พูดจาเสียงดัง เจ้าหน้าที่จึงได้สอบถามผู้ใหญ่บ้าน ทราบว่าบุคคลดังกล่าวไม่เคยมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ บุคคลดังกล่าวสมัครใจให้เจ้าหน้าที่ตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดในร่างกาย โดยผลการตรวจ “ไม่พบสารเสพติด” และบุคคลดังกล่าวได้ให้ข้อมูลว่าการร้องเรียนครั้งนี้ อาจเกิดจากข้อพิพาทเรื่องที่ดินทำกินที่อยู่ติดกัน เจ้าหน้าที่ ปปส.ภาค 5 จึงได้เรียกสอบถามคู่กรณีที่มีข้อพิพาทกัน พบว่าทั้งคู่ได้พิพาทกันจริงและมีการพูดจาข่มขู่กัน โดยคู่กรณีได้โทรศัพท์แจ้งบุตรสาว เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานไปยังบุตรสาว ซึ่งยอมรับว่าเป็นผู้แจ้งเรื่องผ่านสายด่วน ป.ป.ส. 1386 เพราะเชื่อว่าบุคคลที่พิพาทกับบิดาอาจจะมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพราะมีอารมณ์รุนแรง เกรงจะเกิดอันตรายกับบิดา จึงได้ค้นหาช่องทางขอความช่วยเหลือ และพบช่องทางสายด่วน ป.ป.ส. 1386 จึงได้โทรแจ้งหวังให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือดูแลความปลอดภัยของบิดา
เจ้าหน้าที่ได้อธิบายทำความเข้าใจถึงช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนผ่านสายด่วน ป.ป.ส. 1386 ว่าเป็นที่พึ่งทุกปัญญาหายาเสพติด "ท่านแจ้ง เราจับ" หากเรื่องที่แจ้งมาเป็นความจริง ป.ป.ส. พร้อมปฏิบัติการช่วยลดความเดือดร้อนของประชาชน แต่หากเรื่องที่แจ้งเป็นความเท็จ ป.ป.ส. สามารถดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้แจ้งเท็จได้ โดยกรณีดังกล่าวทั้งสองฝ่ายได้ปรับความเข้าใจและสามารถตกลงในเรื่องที่พิพาทกันได้ และขอบคุณ ป.ป.ส. ที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดำเนินการโดยทันที
ทั้งนี้ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล เลขาธิการ ป.ป.ส. ขอเน้นย้ำว่า “ผู้ร้องเรียนโดยใช้ช่องทาง 1386 เพื่อเป็นการกลั่นแกล้งซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย นั้น อาจเข้าข่ายเป็นความผิดและมีโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 บัญญัติว่าผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย จะต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ความผิดนี้เป็นความผิดอาญาแผ่นดินที่มุ่งรักษาความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และไม่สามารถยอมความได้ และอาจเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 บัญญัติว่า ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำนักงาน ป.ป.ส. มุ่งมั่นที่จะสร้างสังคมที่ปลอดภัยบนพื้นฐานของความยุติธรรม และจะปกป้องสิทธิของผู้บริสุทธิ์อย่างเต็มที่”