ป.ป.ส. ย้ำจุดยืนชัด! ไม่ปล่อยชาวต่างชาติทำลายความสงบสุขและภาพลักษณ์ประเทศไทย กรณีรวบหนุ่มต่างชาติรับจ้างแปะ QR Code ขายยาในภูเก็ต

เมื่อวันที่ : 6 พ.ย. 2568 13:56
หน่วยงาน : สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
33 ครั้ง
​นางสาวอารีภักดิ์ เงินบำรุง รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ส. เผยถึงผลการจับกุม Mr. Semen (นายซีเมน) ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีโฆษณายาเสพติดออนไลน์ ซึ่งเป็นปฏิบัติการบูรณาการของสำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเน้นย้ำว่า การปราบปรามอาชญากรข้ามชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม คือภารกิจหลักในการปกป้องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และรักษาภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย
​.
สำนักงาน ป.ป.ส. ภายใต้นโยบายของรัฐบาล และ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล เลขาธิการ ป.ป.ส. ขอประกาศจุดยืนที่ชัดเจนว่า เราจะไม่เพิกเฉยต่อชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด หรือสร้างความเดือดร้อนให้กับสังคมไทย การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ในกรณีนี้ คือการประกาศว่าเราจะติดตามอาชญากรข้ามชาติกลุ่มอื่น ๆ จนถึงที่สุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน
.
​นางสาวอารีภักดิ์ กล่าวว่า “การติดตามจับกุมผู้ต้องหารายนี้ เป็นผลจากการทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ ของเจ้าหน้าที่ ปปส. ภาค 8 ตำรวจภูธรภาค 8 ตำรวจปราบปรามยาเสพติด และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พฤติกรรมของผู้ต้องหาที่ตระเวนติดสติกเกอร์ QR Code โฆษณาขายยาเสพติดอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย ในเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ตนั้น เป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยของประชาชนโดยตรง ทั้งยังบ่อนทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยอย่างร้ายแรง”
.
​สำหรับคดีดังกล่าว สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้เบาะแสจากสื่อสังคมออนไลน์ นำไปสู่การสืบสวนจนสามารถระบุตัวตนของนายซีเมนฯ และขออนุมัติหมายจับได้สำเร็จ แต่ผู้ต้องหาได้หลบหนีจากภูเก็ตไปยังเกาะสมุย
.
อย่างไรก็ตาม ด้วยการประสานข้อมูลและการใช้เทคโนโลยีของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ทำให้สามารถติดตามและจับกุมตัวได้อย่างรวดเร็ว
​จากการสอบสวนเบื้องต้น นายซีเมนฯ รับสารภาบสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างผ่านแอปพลิเคชัน Telegram ให้ทำหน้าที่ติดสติกเกอร์ โดยได้รับค่าจ้างเป็นสกุลเงินดิจิทัล เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐานเป็นผู้โฆษณาเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีโทษปรับรายวันอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท ตลอดระยะเวลาที่ยังฝ่าฝืน ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของขบวนการใหญ่ และสำนักงาน ป.ป.ส. จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสืบสวนขยายผลเพื่อทลายเครือข่ายผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังต่อไป
​.
นางสาวอารีภักดิ์ ยังเน้นย้ำว่า สำนักงาน ป.ป.ส. จะเดินหน้าปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อกวาดล้างเครือข่ายยาเสพติดทุกรูปแบบ ทั้งนี้ ขอขอบคุณพลเมืองดีและสื่อมวลชนที่ช่วยเป็นหูเป็นตา หากพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของชาวต่างชาติ หรือมีเบาะแสเกี่ยวกับยาเสพติด สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386 ที่พึ่งทุกปัญหายาเสพติด “ท่านแจ้ง เราจับ” ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกข้อมูลของท่านจะเป็นประโยชน์ในการสร้างสังคมที่ปลอดภัยและลดความเดือดร้อนจากปัญหายาเสพติด
YouTube Instagram TikTok X Threads search download
Q&A FAQ