สำนักงาน ป.ป.ส. เข้าร่วมการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่าย ผลักดันความร่วมมือระหว่างประเทศในการควบคุมยาเสพติดในลุ่มแม่น้ำโขง

เมื่อวันที่ : 16 ต.ค. 2568 20:56
หน่วยงาน : สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
22 ครั้ง

ในห้วงระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 16 - วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม 2568 พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล เลขาธิการ ป.ป.ส. มอบหมายให้ นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนประเทศไทย เข้าร่วมการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส (Senior Officials Committee: SOC) ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่าย ว่าด้วยการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาค (Mekong MoU) ร่วมกับประเทศลุ่มแม่น้ำโขง 5 ประเทศ คือ กัมพูชา จีน ลาว เมียนมา เวียดนาม และสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime: UNODC) จำนวนทั้งสิ้น 59 คน ณ กรุงย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ 
 

โดยในห้วงก่อนการประชุมฯ นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. มอบหมายให้นางสาวศรีตระกูล เวลาดี ผู้อำนวยการสำนักการต่างประเทศ และผู้ติดตาม เข้าเยี่ยมคารวะ พลตรี อ่อง จอ จอ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งแสดงความขอบคุณทุกประเทศที่มาเข้าร่วมการประชุม และเน้นย้ำความสำคัญของความร่วมมือในกรอบบันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่ายฯ โดยกล่าวถึงความพยายามของเมียนมาในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ที่ยึดหลักสมดุลย์ทั้งการลดอุปสงค์และอุปทาน โดยให้ความสำคัญกับการสร้างการตระหนักรู้ถึงโทษภัยยาเสพติดในกลุ่มเยาวชน และการติดตามจับกุมนักค้ายาเสพติด ซึ่งฉวยโอกาสในห้วงที่เมียนมาประสบปัญหากับชนกลุ่มน้อย เพิ่มการผลิตและการค้ายาเสพติด ตลอดจนแสดงความหวังว่าการประชุมจะประสบความสำเร็จ มีการหารือร่วมกันฉันมิตร ด้วยความจริงใจ และตรงไปตรงมา  เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดในภูมิภาคร่วมกันต่อไป

 

ในห้วงการประชุมฯ ประเทศสมาชิกรับฟังรายงานสถานการณ์ยาเสพติดในภูมิภาคโดย UNODC ซึ่งระบุถึงสถานการณ์ปัญหาที่ยังคงมีความรุนแรง พื้นที่เพาะปลูกฝิ่นในเมียนมาเพิ่มขึ้นทำให้เกิดความกังวลถึงการเพิ่มปริมาณการลักลอบผลิตเฮโรอีน ยาเสพติดสังเคราะห์โดยเฉพาะเมทแอมเฟตามีนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีความซับซ้อนในขั้นตอนการผลิตมากขึ้น การลักลอบลำเลียงเคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นในการลักลอบผลิตยาเสพติดมีความซับซ้อนมากขึ้น และพบการใช้สารเคมีไม่อยู่ภายใต้การควบคุมมากขึ้น องค์กรอาชญากรรมค้ายาเสพติดขยายตัว และใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนมากขึ้นในการลักลอบค้ายา  UNODC ได้เสนอให้เพิ่มการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองด้านยาเสพติดและองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมากขึ้น เพิ่มศักยภาพการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด และเพิ่มความพยายามในการจัดการกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึง การติดตามและควบคุมการเคลื่อนย้ายเคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นที่มักถูกพบในการลักลอบผลิตยาเสพติด
 

ที่ประชุมยังได้รับทราบรายงานภาพรวมและสถานะความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการระดับอนุภูมิภาคเพื่อควบคุมยาเสพติด (Subregional Action Plan (SAP) on Drug Control) ฉบับที่ 12 ของประเทศสมาชิก ตามกรอบกิจกรรมและโครงการในระดับอนุภูมิภาคภายใต้แผนงานหลัก 4 ด้าน ได้แก่ 1) ยาเสพติดและสุขภาพ 2) ความร่วมมือด้านการปราบปราม 3) ความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านอาญา และ 4) การพัฒนาทางเลือกอย่างยั่งยืน โดยประเทศสมาชิกรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินงานทั้งด้านการลดอุปทานและอุปสงค์ยาเสพติด สถิติการจับกุมยาเสพติด สถิติการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด ผลการดำเนินความร่วมมือระหว่างประเทศ รวมถึงการเสริมสร้างความร่วมมือในการปราบปรามองค์กรอาชญากรรมค้ายาเสพติดข้ามชาติ นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบแผนการดำเนินงานของ UNODC ภายใต้ช่วงระยะเวลาแผนปฏิบัติการฯ ฉบับที่ 12 (กันยายน 2566 - กันยายน 2568)
 

สำหรับประเทศไทย ได้นำเสนอสถานการณ์ยาเสพติดในประเทศและผลลัพธ์การดำเนินงาน ในด้านการลดอุปทานยาเสพติด ทั้งการเพิ่มการสกัดกั้นและตรวจยึดยาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นที่ใช้ในการลักลอบการผลิตยาเสพติด การขึ้นทะเบียนสารเอโทมีเดทให้เป็นสารออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภทที่ 2 และการเร่งเผาทำลายยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง และด้านการลดอุปสงค์ยาเสพติด ได้ดำเนินการผ่านการส่งเสริมการใช้ระบบการบำบัดดูแลโดยมีชุมชนเป็นฐาน (CBTx) และการจัดกิจกรรมเสริมสร้างความตระหนักรู้ภัยยาเสพติดให้กับเด็กและเยาวชน เช่น “Hugs against Drugs” “Be Smart: Say No to Drugs Season 2”“To be Number One” รวมถึงนำเสนอผลลัพธ์การดำเนินโครงการพัฒนาทางเลือกของมูลนิธิโครงการหลวงและความร่วมมือระหว่างมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปุมภ์กับรัฐบาลเมียนมาเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการปลูกพืชทดแทนพืชเสพติด ยกระดับรายได้ชุมชน และเสริมสร้างการดำเนินชีวิตอย่างยั่งยืน
 

ในช่วงท้ายของการประชุมฯ ผู้แทน UNODC ได้นำเสนอผลการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด (Commission on Narcotic Drugs: CND) สมัยที่ 68 และประเทศไทยได้กล่าวเพิ่มเติมถึงผลลัพธ์ความสำเร็จในการประชุมดังกล่าว พร้อมขอบคุณประเทศสมาชิกที่ให้การสนับสนุนและมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมคู่ขนานและนิทรรศการของประเทศไทย รวมถึงประเทศไทยได้ร่วมกับประเทศนอร์เวย์ เสนอร่างข้อมติเรื่อง “การส่งเสริมการวิจัยด้านการรักษาและการดูแลผู้ป่วยที่ใช้สารกระตุ้น ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากประเทศสมาชิก CND นอกจากนี้ ในห้วงการประชุม CND สมัยที่ 69 ในปีถัดไปนั้น ประเทศไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมคู่ขนานซึ่งเป็นผลลัพธ์ต่อเนื่องจากการประชุมวิชาการสารเสพติดนานาชาติ ปี พ.ศ. 2568 (ICDP2025) และเสนอร่างข้อมติร่วมกับประเทศเยอรมนีและประเทศเปรู ว่าด้วยการเพิ่มเติมแนวปฏิบัติสหประชาชาติด้านการพัฒนาทางเลือก เพื่อขับเคลื่อนแนวทางแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืนต่อไป

YouTube Instagram TikTok X Threads search download
Q&A FAQ