วันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2568 พลตำรวจโทภาณุรัตน์ หลักบุญ (เลขาธิการ ป.ป.ส.) พร้อมด้วย นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส., นาวาเอก บรรพต นิธิณัฐอาภาศิริ รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ, น.อ.เอกวิทย์ โชติเชย รองผู้บังคับการกรมทหารสารวัตรทหารอากาศ สำนักงานผู้บังคับทหารอากาศดอนเมือง, พล.ต.ไพฑูรย์ บูรณศักดิ์ หัวหน้าศูนย์ข่าวยาเสพติด ฝ่ายข่าวศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก และ พ.อ.(พ.) พิรุฬสิระ เอี่ยมมาลา ผู้บังคับหน่วยข่าวกรองทางทหาร สนับสนุนหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ แถลงผลการจับกุม 2 คดี รายละเอียดดังนี้
- คดีที่ 1 วันที่ 17 กันยายน 2568 ยึดไอซ์ 240 กก. ซุกซ่อนในกล่องพัสดุ 12 กล่อง เหตุเกิดที่ บ้านเช่าในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ (เลขาธิการป.ป.ส.) กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจาก สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. สืบสวนเครือข่ายลักลอบส่งยาเสพติดผ่านพัสดุภัณฑ์ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยในวันที่ 15 กันยายน 2568 ผู้ประกอบการขนส่งพัสดุได้แจ้งมายังเจ้าหน้าที่ว่า มีพัสดุต้องสงสัยที่อาจจะซุกซ่อนยาเสพติด เตรียมจัดส่งไปยังพื้นที่ภาคใต้ จึงประสานมายังสำนักปราบปรามยาเสพติด เพื่อดำเนินการตรวจสอบพัสดุต้องสงสัยดังกล่าว ตนจึงมอบหมายให้ นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. สั่งการชุดปฏิบัติการ สืบสวนขยายผลเกี่ยวกับพัสดุต้องสงสัยดังกล่าว กระทั่งวันที่ 17 กันยายน 2568 เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพัสดุต้องสงสัย พบไอซ์ 120 กก.บรรจุในกล่องพัสดุ จำนวน 6 กล่อง ที่ บริษัทขนส่งพัสดุเอกชนในพื้นที่ จ.สงขลา จากนั้น สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ สำนักงาน ปปส. ภาค 9, ชปส.ภ.9, ศอ.ปส.ทร. และ ศปก.ทบ. ดำเนินการขออนุมัติครอบครองยาเสพติดภายใต้การควบคุม (CD) เพื่อขยายผลไปยังผู้รับพัสดุดังกล่าว ขณะเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตการณ์พบเหตุต้องสงสัยเนื่องจากพบว่า ผู้นำส่งพัสดุ (ที่ซุกซ่อนยาเสพติด) ได้นำส่งพัสดุดังกล่าวไปส่งไว้ที่บ้านเช่าในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา (ซึ่งไม่ตรงกับที่อยู่ที่ระบุไว้บนกล่องพัสดุ) เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเพื่อขอตรวจสอบ พบไอซ์ 120 กก. ในพัสดุ 6 กล่อง จากนั้นขยายผลตรวจค้นภายในบ้านเช่า พบไอซ์เพิ่มเติมอีก 120 กก. บรรจุในกล่องพัสดุ 6 กล่อง รวมของกลางไอซ์ทั้งหมด 240 กก. (ในพัสดุ 12 กล่อง) ผู้นำส่งพัสดุให้การว่า ได้รับคำสั่งให้ไปส่งพัสดุที่ซุกซ่อนยาเสพติดที่บ้านเช่าหลังดังกล่าว จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่า ห้วงเดือนกรกฎาคม - กันยายน 2568 เครือข่ายดังกล่าวลักลอบส่งพัสดุมาแล้ว 3 ครั้ง (รวมครั้งที่จับกุม) น้ำหนักรวม 350 กก. ต้นทางพัสดุ อ.บ้านแพง จ.นครพนมปลายทาง อ.สะเดา จ.สงขลา คาดว่าเป็นยาเสพติดที่เตรียมส่งต่อไปยังประเทศที่สาม
- คดีที่ 2 วันที่ 20 - 21 กันยายน 2568 สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (ศปก.ทบ.), ตำรวจภูธรภาค 5, ศอ.ปส.สน.บก.บก.ทท., ศอ.ปส.ทอ., ชปพ.ศอ.ปส.ทร. (นสร.กร.) และ หน่วยข่าวกรองทางทหาร กองทัพบก( ขกท.ทบ.) สกัดรถยนต์กระบะวีโก้ตอนเดียว
ทำช่องลับซุกซ่อนไอซ์ 120 กก. ซึ่งถูกจอดทิ้งไว้ในป่าข้างทาง (คนขับหลบหนี) บริเวณพื้นที่ อ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร ต่อเนื่อง ติดตามจับกุมผู้ต้องหา 1 คน ที่มีบทบาทขับรถรถยนต์นำทาง บริเวณพื้นที่ อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร โดย พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ (เลขาธิการป.ป.ส.) กล่าวว่าได้มอบหมายให้ นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. สั่งการชุดปฏิบัติการ ดำเนินการสืบสวนเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ ซึ่งใช้รถกระบะทำช่องลับลำเลียงยาเสพติดจากชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย-พื้นที่ตอนใน เนื่องจากพบว่าเครือข่ายดังกล่าวมีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 - ปัจจุบัน สามารถจับกุมเครือข่ายดังกล่าวรวม 5 คดี (รวมครั้งล่าสุด) จับกุมผู้ต้องหารวม 17 คน (ผู้ต้องหาในคดีหลัก 13 คน จับกุมตามหมายจับ 4 คน) ยาเสพติด คือ เฮโรอีน 91.7 กก., คีตามีน 250 กก., ไอซ์ 165 กก., ยาบ้า 600,000 เม็ด ตรวจยึดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 115 ล้านบาท
พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การประสานงานดังกล่าวถือเป็นความร่วมมืออันดีจากผู้ประกอบการขนส่งพัสดุ ที่มีส่วนในการสกัดกั้นการลักลอบขนส่งยาเสพติดผ่านทางพัสดุภัณฑ์ อันเป็นผลมาจากที่ สำนักงาน ป.ป.ส. ได้จัดให้มี การประชุมเชิงปฏิบัติการ “เพิ่มพูนความรู้ให้ผู้ประกอบการ ในด้านการสกัดกั้นการลักลอบขนส่งยาเสพติดผ่านทางพัสดุภัณฑ์ระหว่างประเทศ” ซึ่งการประชุมดังกล่าวส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีความรู้ความชำนาญในการสกัดกั้นการลักลอบขนส่งยาเสพติดผ่านทางพัสดุภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากในปัจจุบัน การลักลอบลำเลียงยาเสพติดผ่านบริษัทขนส่งเอกชน ยังคงเป็นวิธีการที่ขบวนการค้ายาเสพติดเลือกใช้ในการกระจายยาเสพติด เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งต่ำ และยากต่อการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้กล่าวขอบคุณผู้ประกอบการขนส่งสินค้าภาคเอกชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการช่วยตรวจสอบ สังเกตสินค้าต้องสงสัย และแจ้งเจ้าหน้าที่ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ทำให้สามารถจับกุมผู้ต้องหาพร้อมยาเสพติด ถือเป็นการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด ก่อนจะถูกส่งต่อไปยังปลายทางประเทศที่สาม รวมถึงในคดีเครือข่ายรถกระบะทำช่องลับซุกซ่อนยาเสพติด ต้องขอชื่นชมการทุ่มเทในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่สืบสวนติดตามเครือข่ายดังกล่าวอย่างต่อเนื่องกระทั่งสามารถพิสูจน์ทราบรถยนต์ต้องสงสัย จนนำมาซึ่งการสืบสวนจับกุม ในการนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. จะดำเนินการสืบสวนขยายผลเครือข่ายการค้ายาเสพติดดังกล่าว และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป
และในช่วงท้ายเลขาธิการ ป.ป.ส. ยังได้กล่าวถึงสรุปผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการภายใต้นโยบายและแผนระดับชาติ ว่าด้วยการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และ พ.ศ. 2568 จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ร่วมกันสำนักงาน ป.ป.ส. พบว่าประชาชนมีความพึงพอใจเพิ่มมากขึ้นในทุกมิติ
- ประชาชนคิดเห็นว่าสถานการณ์ปัญหายาเสพติดลดลง (เดิม 18.8 ) เพิ่มเป็น ร้อยละ 30.2
- เชื่อมั่นต่อนโยบายรัฐบาลระดับมากและมากที่สุด (เดิม ร้อยละ 43.8 ) เพิ่มเป็น ร้อยละ 50.4
- พึงพอใจต่อการดำเนินงานฯ ระดับมากและมากที่สุด (เดิม ร้อยละ 46.1 ) เพิ่มเป็น ร้อยละ 51.4
- และรู้สึกมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ระดับมากและมากที่สุด (เดิม ร้อยละ 43.8 ) เพิ่มเป็น ร้อยละ 61.2
กล่าวโดยสรุปคือประชาชนมีความพึงพอใจเพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ ด้าน