วันที่ 3 กันยายน 2568 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย Ms. Delphine Schantz (เดลฟีน ช้านท์ซ) ผู้แทนสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime: UNODC) ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก คณะเจ้าหน้าที่ประสานงานยาเสพติดต่างประเทศประจำประเทศไทย (Foreign Anti-Narcotics Community-FANC) และประชาชน ร่วมกิจกรรม “Best Practices: The Next Chapter ต่อยอดต้นแบบ สู่ก้าวใหม่ที่ยั่งยืน” ณ ห้องประชุมชิดชัย วรรณสถิตย์ สำนักงาน ป.ป.ส. โดยงานในวันนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างการรับรู้ผลการดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดในรอบปีงบประมาณ 2568 ชูต้นแบบโมเดลแห่งความสำเร็จของชุมชนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด พร้อมแนวทางการต่อยอดไปสู่ความยั่งยืน
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า Best Practice ที่ยกเป็นต้นแบบในวันนี้เป็นการนำรูปแบบการทำงานที่พิสูจน์แล้วว่าทำได้จริง มาต่อยอดสู่ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน โดยมีผลงานเด่นที่ควรขยายต่อ อาทิ การสร้างพื้นที่ปลอดภัยในชุมชนที่ขับเคลื่อนด้วยพลังประชาชน การพัฒนางานวิจัยยาทดแทนยาบ้า การสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน “Seal Stop Safe” ปฏิบัติการ “ตัดไฟแต่ต้นลม” ทำลายเครือข่ายค้ายาข้ามชาติ และปฏิบัติการ “เด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย” ลดระดับความรุนแรงของปัญหายาเสพติดในพื้นที่ เพื่อคืนความปลอดภัยให้ประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งทั้งหมดได้กลายเป็นต้นแบบที่สามารถต่อยอดต่อไปได้อย่างยั่งยืน แต่พลังของชุมชน ถือเป็นจุดสำคัญ
ในการพลิกสถานการณ์แก้ไขปัญหายาเสพติด
Ms. Delphine Schantz กล่าวชื่นชมสำนักงาน ป.ป.ส. ที่ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยยึดหลัก “ผู้เสพ คือ ผู้ป่วย” ซึ่งเป็นหลักสากล และครอบคลุมทุกมิติ จนส่งผลให้ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น และชื่นชมความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบที่สามารถพิสูจน์แล้วว่าเป็นแนวทางที่ใช้ได้จริง เช่น ธวัชบุรีโมเดล โรงเรียนแสงแห่งความหวังโมเดล ท่าอิฐโมเดล เป็นต้น พร้อมย้ำว่า ความสำเร็จเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนในประเทศ แต่ยังสามารถต่อยอดและแบ่งปันประสบการณ์กับภูมิภาคและนานาชาติได้
นอกจากนี้ ยังมีเสวนาพิเศษในหัวข้อ “Best Practices Showcase” แลกเปลี่ยนมุมมองจากพื้นที่ต้นแบบโรงเรียนแสงแห่งความหวังโมเดล จังหวัดชัยภูมิ และท่าอิฐโมเดล จังหวัดนนทบุรี โดยนางสาวอัจฉรา อาษาสู้ นายอำเภอภักดีชุมพล นายสมศักดิ์ สวามีชัย ผู้ใหญ่บ้านพัฒนาสามัคคี จ.ชัยภูมิ นายกษมา ท่าอิฐ ผู้ใหญ่บ้านชุมชนมัสยิดท่าอิฐ จ.นนทบุรี และผู้ผ่านการบำบัด ร่วมเสวนา และช่วงท้ายของกิจกรรมเป็นการส่งต่อกำลังใจจากต้นแบบผู้ที่สามารถเลิกยาเสพติดได้ด้วยพลังใจของตนเอง สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและการกล้าเปลี่ยนชีวิต ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส. ได้สนับสนุนทุนประกอบอาชีพให้ได้สร้างชีวิตใหม่ แสดงให้เห็นว่า “เมื่อพลังใจของผู้เลิกยา เชื่อมต่อกับการสนับสนุนจากภาครัฐ การกลับคืนสู่สังคมอย่างมีคุณค่า จึงเป็นจริงได้และยั่งยืน”
เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้กล่าวช่วงท้ายว่า “ปัจจัยที่จะทำให้การขับเคลื่อนเหล่านี้ยั่งยืน คือ การที่ชุมชนเป็นเจ้าของปัญหาและร่วมกันแก้ไข การบูรณาการของทุกภาคส่วน และการผูกโยงกิจกรรมเข้ากับวิถีชีวิตประจำวัน จนเกิดเป็นความภูมิใจร่วมกันของคนในชุมชน ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของความยั่งยืนอย่างแท้จริง” กิจกรรมในครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการนำเสนอความสำเร็จ หากแต่ยังเป็นเวทีในการสะท้อนพลังความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคีเครือข่ายในระดับนานาชาติ อันจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นแก่สังคมว่า ประเทศไทยพร้อมที่จะเดินหน้าแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง รอบด้าน และบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อมุ่งสู่อนาคต
ที่ปลอดภัยและยั่งยืน