วันที่ 17 มิถุนายน 2568 พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นางสาวอารีภักดิ์ เงินบำรุง รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นายเบเนดิกต์ ฮอฟมันน์ (Mr. Benedikt Hofmann) ผู้แทนสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime: UNODC) ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก และคณะเจ้าหน้าที่ประสานงาน ยาเสพติดต่างประเทศประจำประเทศไทย (Foreign Anti-Narcotics Community-FANC) ร่วมแถลงผลการดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 (ห้วง ต.ค. 67 - พ.ค. 68) : The Road to Success ณ ห้องประชุมชิดชัยฯ สำนักงาน ป.ป.ส. (ดินแดง)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ในการร่วมมือกันแก้ไขปัญหายาเสพติด แม้หลายหน่วยงานจะใช้ตัวชี้วัดเชิงปริมาณเพื่อบ่งบอกความสำเร็จ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ความเชื่อมั่นและความพึงพอใจของประชาชน รวมถึงประชาชนต้องสามารถรับรู้ถึงความปลอดภัยที่ดีขึ้นในชุมชนของตนเอง ทั้งยังรับรู้ถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจ และความทุ่มเทของเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่ปฏิบัติงานอย่างหนัก ดังนั้น การติดตามผลการดำเนินงานด้านยาเสพติดจึงเป็นวาระที่ทุกฝ่ายต้องให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง สำหรับการขับเคลื่อนงานในระยะต่อไป รัฐมนตรีฯ เน้นย้ำถึงนโยบายคืน “คนคุณภาพ” สู่สังคม พร้อมเร่งเสริมความเข้มแข็งให้ชุมชนและผู้นำท้องถิ่นมีบทบาทในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง รวมถึงจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการพัฒนาหมู่บ้านและศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคมในระดับอำเภอ เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยจากยาเสพติด ขอขอบคุณ 9 กระทรวง 26 หน่วยงาน และ 2 ส่วนราชการไม่สังกัด ที่ร่วมกันบูรณาการอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนพี่น้องประชาชนที่มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ขอเป็นกาลังใจให้กับทุก ๆ ท่าน ในการปฏิบัติงานและขอให้ทุกคนมุ่งมั่น แก้ไข ขจัดภัย ยาเสพติด เพื่อความปลอดภัยของสังคมสืบต่อไป
ด้าน เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้แถลงผลการดำเนินงานในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นความก้าวหน้าใน 5 ประเด็นสำคัญ ที่ถือเป็นของความสำเร็จ หรือ Success และยังเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จอีกมากมายที่กำลังจะมาถึง โดยกล่าวว่า ความสำเร็จในวันนี้ไม่ใช่ปลายทาง แต่เป็นก้าวแรกของการเดินหน้าสู่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน หนึ่งในสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ คือ การผลักดันให้ “ยาบ้า” ได้รับการยอมรับว่าเป็นปัญหาระดับภูมิภาคในเวที CND ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อีกทั้งยังมีการเสนอข้อมติด้านการวิจัยเพื่อ บำบัดและฟื้นฟู ผู้ใช้สารกระตุ้น โดยได้เสียงสนับสนุนจากนานาประเทศถึง 49 ประเทศ จาก 51 ประเทศ ขณะเดียวกัน ความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการสืบสวนปราบปราม ผ่านปฏิบัติการ “ตัดไฟแต่ต้นลม” ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2567 จนถึงปัจจุบัน จำนวน 3 ครั้ง ส่งผลให้สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่มีบทบาทสำคัญในเครือข่ายข้ามชาติ จำนวน 8 คน ตรวจยึดทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า 247 ล้านบาท (ปีงบประมาณ 2567 จำนวน 66 ล้านบาท/ปีงบประมาณ 2568 จำนวน 181 ล้านบาท)
เลขาธิการ ป.ป.ส. ยังกล่าวต่อว่า “สำนักงาน ป.ป.ส. ได้สนับสนุนงบประมาณกว่า 400 ล้านบาท ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อจัดหาเทคโนโลยีที่จำเป็นแก่หน่วยปฏิบัติ อาทิ โดรน กล้องอินฟราเรด Anti Drone เครื่องเอ็กซเรย์แบบพกพา จนทำให้มีผลงานด้านสกัดกั้นยาเสพติดเพิ่มสูงขึ้นซึ่งถือเป็นการเสริมเขี้ยวเล็บ ให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกันนี้ ยังมีการขับเคลื่อนแผน Seal–Stop–Safe โดยยกระดับการมีส่วนร่วมของประชาชน และเรายังเห็นผลสัมฤทธิ์เชิงสังคมจากการข่าวเกี่ยวกับผู้ใช้ยาเสพติดที่มีอาการทางจิตลดลงถึง 80% ในปีนี้ ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า “ความร่วมมือ” คือ หัวใจของการสร้างสังคมปลอดภัย จากยาเสพติดอย่างแท้จริง”
ในช่วงท้าย ได้เยี่ยมชมนิทรรศการแสดงเครื่องมือและอุปกรณ์ในการสกัดกั้นยาเสพติด ที่สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ให้การสนับสนุนแก่หน่วยงานภาคสนาม อาทิ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กองกำลังผาเมือง และกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 3 โดยมีการสาธิตการใช้งานอุปกรณ์ รวมถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ใช้ในพื้นที่แนวชายแดน ซึ่งเป็นแนวหน้าในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่ประเทศ
การแถลงในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นเวทีรายงานผลการดำเนินงาน แต่ยังเป็นการรวมพลังครั้งสำคัญที่สะท้อนเจตจำนงร่วมกันของหน่วยงานทุกภาคส่วนในการปกป้องประเทศชาติจากภัยคุกคามยาเสพติด ด้วยแนวทางที่ทันสมัย ยั่งยืน และยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง บนเส้นทาง “The Road to Success” ที่ประเทศไทยจะก้าวสู่สังคมปลอดภัยจากยาเสพติดอย่างแท้จริง มั่นคง และยั่งยืน