วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม 2568 สำนักปราบปรามยาเสพติด (ปป.4 หนองคาย) ร่วมกับ ตม.จว.ขอนแก่น และ

กก.สส.บก.ตม.4 จับกุม นาย แบ จิยุง (Mr.Bae Jiung) ชาวเกาหลีใต้ เลขหนังสือเดินทาง M42875394 (หลบหนีคดียาเสพติด และมีหมายแดงสากล : Red notice) เป็นผู้ที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (Over stay) ตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2568 เหตุเกิดที่ อ.เมือง จ.ขอนแก่น

การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 21 – 23 เมษายน 2568 พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ (เลขาธิการ ป.ป.ส.) มอบหมายให้ นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. พร้อมคณะ ร่วมการประชุมนานาชาติด้านการปราบปรามยาเสพติด (International Drug Enforcement Conference : IDEC) ณ สาธารณรัฐเกาหลี เพื่อยกระดับความร่วมมือระดับนานาชาติในการดำเนินงานด้านการต่อต้านการค้ายาเสพติดและการปราบปรามองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ การต่อสู้อันตรายจากยาเสพติดและภัยจากการใช้ยาเสพติดผิดกฎหมาย ในการนี้ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเครือข่ายนักค้ายาเสพติดร่วมกับ สำนักงานอัยการสูงสุดเกาหลี (SPO) สำนักข่าวกรองแห่งชาติสาธารณรัฐเกาหลี (NIS) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกาหลี (KNPA) ซึ่ง นาย แบ จิยุง (Mr.Bae Jiung) เป็นบุคคลในเครือข่ายยาเสพติดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากประเทศไทยเข้าประเทศเกาหลีใต้จำนวนหลายคดี โดยในห้วงปี พ.ศ.2567 รวมปริมาณของกลางยาเสพติดประเภท เมทแอมเฟตามีน และคีตามีน รวมทั้งสิ้น 6 กิโลกรัม จากข้อมูลทางการข่าวและการสืบสวนพบว่า นาย แบ จิยุง (Mr.Bae Jiung) หลบหนีมาอาศัยอยู่ในประเทศไทย จึงขอความร่วมมือให้ สำนักงาน ป.ป.ส. ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมบุคคลดังกล่าวเพื่อนำตัวกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศเกาหลีใต้

สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ดำเนินการสืบสวนกระทั่งทราบว่า ห้วงเดือนเมษายน 2568

นาย แบ จิยุง (Mr.Bae Jiung) และ แฟนสาวชาวไทย เคยอาศัยอยู่ที่ คอนโดมิเนียมย่านพระราม 9 กทม. ต่อมาห้วงเดือนเมษายน 2568 ได้หลบหนีไปเช่าบ้านพักอยู่ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ขอนแก่น จึงเฝ้าติดตามพฤติการณ์จนพบว่า นาย แบ จิยุง (Mr.Bae Jiung) อาศัยอยู่บ้านเช่าหลังดังกล่าว จึงประสาน ตม.ขอนแก่น และ กก.สส.บก.ตม.4 ร่วมจับกุม นาย แบ จิยุง (Mr.Bae Jiung) ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ก่อนผลักดันกลับประเทศเกาหลีใต้ ทั้งนี้ สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. จะประสานงานกับ สำนักงานอัยการสูงสุดเกาหลี (SPO) สำนักข่าวกรองแห่งชาติสาธารณรัฐเกาหลี (NIS) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกาหลี (KNPA) เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป