เมื่อวันพุธที่ 23 เมษายน 2568 นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นำคณะเจ้าหน้าที่ประสานงานยาเสพติดต่างประเทศประจำประเทศไทย ติดตามสถานการณ์ยาเสพติดชายแดนฝั่งภาคเหนือตอนล่างและภาคตะวันออก ในการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือการประสานงานระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ประสานงานยาเสพติดต่างประเทศประจำประเทศไทย ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ณ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยมีผู้แทนจากกรมศุลกากร กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ส. เข้าร่วมด้วย การประชุมครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์และเผยแพร่นโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติดของไทย รวมถึงผลการดำเนินงานด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด การบำบัดและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดตามบริบทของพื้นที่ให้นานาชาติรับรู้ และเป็นเวทีในการสร้างเครือข่ายในการปฏิบัติงานระหว่างประเทศไทยและนานาประเทศ สร้างความเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาลไทย อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานการติดต่อประสานงานระหว่างเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยมี นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เป็นผู้นำคณะฯ เยี่ยมชมและศึกษาดูงาน ซึ่งมุ่งหวังให้เจ้าหน้าที่ประสานงานยาเสพติดต่างประเทศได้รับข้อมูลเชิงลึกถึงบริบทของพื้นที่ชายแดน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนและเสริมสร้างความร่วมมือด้านการปราบปรามยาเสพติดร่วมกันในอนาคต โดยในห้วงเช้าคณะฯ ได้เข้าศึกษาดูงานการปฏิบัติงานของหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร กองพลทหารราบที่ 4 กองทัพภาคที่ 3 โดยมี พล.ท. กาจน์ กอรี รอง ผบ.นบ.ยส.35 เป็นผู้ให้การต้อนรับ

นายอภิกิต ได้กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของพื้นที่ชายแดนภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันตก ที่กำลังเผชิญปัญหาการลักลอบนำเข้ายาเสพติดอย่างรุนแรง จนทำให้รัฐบาลเปิดปฏิบัติการ “Seal Stop Safe” เพื่อปิดล้อม-สกัดเส้นทางค้ายา-สร้างชุมชนปลอดภัย ครอบคลุมชายแดน 14 จังหวัด ซึ่ง จังหวัดตาก เป็นพื้นที่ที่พบสถิติการลักลอบนำเข้ายาเสพติดและเคมีภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะยาบ้า เนื่องจากจังหวัดตากมีเขตแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านยาวกว่า 540 กม. ซึ่งนายชูชีพ ได้กล่าวเสริมว่า สืบเนื่องจากจังหวัดตากเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมสูงการใช้หน่วยงานของรัฐเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ จึงต้องอาศัยความร่วมมือของชุมชนในพื้นที่ ผ่านการดำเนินงานของหน่วยอาสาสมัคร ชรบ. ในการปราบปราบยาเสพติดด้วย ในการนี้ Mr. Hunter McGee ผู้แทนจากคณะกรรมาธิการข่าวกรองอาชญากรรมแห่งออสเตรเลีย (Australian Criminal Intelligence Commission: ACIC) ในฐานะผู้เเทนเจ้าหน้าที่ประสานงานยาเสพติดต่างประเทศได้กล่าวขอบคุณทุก ๆ หน่วยงานที่มีส่วนร่วมในการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ในครั้งนี้ และชื่นชมความพยายามของรัฐบาลไทย ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด รวมถึง มาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลไทย ที่มีขึ้นเพื่อต่อสู้กับปัญหายาเสพติด และเชื่อมั่นว่า การประชุมครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญสู่ความร่วมมือที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างหน่วยงานของไทยและเจ้าหน้าที่ประสานงานยาเสพติดต่างประเทศทั่วโลกที่มาประจำการอยู่ในประเทศไทย โดยที่หน่วยเฉพาะกิจราชมนู คณะฯ ได้รับฟังการบรรยายในหัวข้อ มาตรการการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนไทย - เมียนมา โดยหน่วยเฉพาะกิจราชมนูมีฐานปฏิบัติการตั้งอยู่มากกว่า 70 ฐาน ตลอดพื้นที่ 5 อำเภอที่มีพรมแดนติดกับฝั่งเมียนมา ได้แก่อำเภอแม่สอด อำเภอพบพระ อำเภออุ้มผาง อำเภอแม่ระมาด และ อำเภอท่าสองยาง เพื่อรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดน ทั้งด้านยาเสพติดและอาชญากรรมในด้านต่าง ๆโดยเฉพาะด้านการค้ามนุษย์ และเครือข่ายอาชณากรรมทางเทคโนโลยี โดยมีการบูรณาการกำลังกับหน่วยงานในพื้นที่ทั้ง จากตำรวจตระเวนชายแดนและเจ้าหน้าที่จาก ป.ป.ส. และรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ยาเสพติดของประเทศไทยและการดำเนินงานของ นบ.ยส.35 โดยนายสราวุธ ภักดี ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส. ภาค 6 ชี้ให้เห็นว่าสถานการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากเมียนมาเข้ามายังบริเวณแนวชายแดนด้านตะวันตกของประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งอยู่ติดกับเมืองเมียวดี เมียนมา อันเป็นฐานหลักของกลุ่มสแกมเมอร์ และหลอกลวงออนไลน์ ได้กลายเป็นจุดสำคัญในการลักลอบลำเลียงสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ไปยังแหล่งผลิตยาเสพติดในเมียนมา ซึ่งเห็นได้จากการตรวจยึดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ได้เป็นจำนวนมากในห้วงปีทีผ่านมา นอกจากนี้คณะเจ้าหน้าที่จากนานาประเทศยังได้รวมแลกเปลี่ยนข้อมูลเบาะแสและแนวทางปฏิบัติที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ต่อมาคณะฯ ได้มีโอกาสเดินทางไปศึกษาดูงานยังด่านตรวจห้วยหินฝน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด ซึ่งเป็นด่านที่สำคัญในการสกัดกั้นยาเสพติดรวมไปถึงสิ่งผิดกฎหมายต่าง ๆ ที่มีการลักลอบลำเลียงทั้งการนำเข้าและส่งออก

ในห้วงบ่ายคณะฯ ได้เดินทางเพื่อไปศึกษาดูงานจุดสังเกตการณ์ สันยายหลู่ และฐานปฏิบัติการบ้านวังแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ฝั่งตรงข้าม KK park และ ชเว โก๊กโก เพื่อเยี่ยมชมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และรับฟังการบรรยาย พร้อมรับชมการปฏิบัติภารกิจงานของเจ้าหน้าที่ในภารกิจด้านการปราบปรามยาเสพติดรวมถึงกิจกรรมผิดกฎหมายอื่น ๆ ที่มีความเชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของเครือข่าย ทุนจีนสีเทา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และสแกมเมอร์ ซึ่งมักใช้พื้นที่ตามแนวชายแดนเป็นฐานปฏิบัติการฟอกเงินและดำเนินกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติรูปแบบผสมผสาน ทั้งการค้ายาเสพติด การหลอกลวงออนไลน์ การค้ามนุษย์ และการฉ้อโกงทางการเงิน