เมื่อวันอังคารที่ 22 เมษายน 2568 เวลา 11.00 น. ณ ห้องรับรองเภา สารสิน สำนักงาน ป.ป.ส. พล.ต.ท. ภาณุรัตน์  หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นประธานให้การต้อนรับนางโอลีเวีย เสิมบีริง ผู้ช่วยทูต
ฝ่ายกิจการอัยการ ประจำสถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะ เพื่อแนะนำตัวเนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ และหารือข้อราชการเกี่ยวกับความร่วมมือด้านยาเสพติดระหว่างสองประเทศ โดยมีนายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วยผู้แทนสำนักการต่างประเทศ กองกฎหมาย และสำนักปราบปรามยาเสพติด ร่วมให้การต้อนรับ

ในการนี้ เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้กล่าวต้อนรับนางโอลีเวีย เสิมบีริง พร้อมแสดงความชื่นชม ต่อประสบการณ์ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมระหว่างประเทศของผู้ช่วยทูตฯ โดยเฉพาะบทบาทสำคัญในคดีที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านการก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ การฟอกเงิน และคดียาเสพติด พร้อมทั้งได้กล่าวถึงสถานการณ์ยาเสพติดในประเทศไทย โดยระบุว่า “ยาบ้า” ยังคงเป็นปัญหาหลักของไทยที่มีการแพร่ระบาดในชุมชน ขณะที่ไอซ์และเฮโรอีนมักถูกลักลอบส่งต่อไปยังประเทศที่สาม 

เลขาธิการ ป.ป.ส. ยังได้เน้นย้ำถึงนโยบายของรัฐบาลไทย ภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้ประกาศให้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระเร่งด่วน โดยมุ่งตัดตอนแหล่งผลิตและเครือข่ายการค้ายาเสพติด รวมถึงการสกัดกั้นตามแนวชายแดน โดยเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 รัฐบาลได้เปิดปฏิบัติการ “Seal Stop Safe” ในพื้นที่ 14 จังหวัด 51 อำเภอ ครอบคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันตก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ มิให้ทะลักเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ และไม่ให้ถูกส่งออกไปยังประเทศที่สาม ซึ่งในช่วง 2 เดือนแรกของปฏิบัติการดังกล่าว สามารถจับกุมยาเสพติดได้เพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมากว่า 10 เท่า 

นอกจากนี้ เลขาธิการ ป.ป.ส. ยังได้กล่าวถึงบทบาทของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ โดยได้นำเสนอปัญหาการแพร่ระบาดของยาบ้าในเวทีการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด (Commission on Narcotics Drugs: CND) สมัยที่ 68 ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซี่งประเทศสมาชิกส่วนใหญ่เห็นชอบกับร่างข้อมติที่ประเทศไทยเสนอ ในประเด็นการส่งเสริมการศึกษาวิจัย
ด้านการบำบัดรักษาผู้ใช้สารกระตุ้น
 
ในโอกาสนี้ เลขาธิการ ป.ป.ส. ยังได้ชื่นชมอินโดนีเซียที่ได้ริเริ่มโครงการคณะทำงานสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด ณ ท่าเรือสากลในอาเซียน หรือ ASEAN Seaport Interdiction Task Force (ASITF) ซึ่งถือเป็นกลไกความร่วมมือที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียน ในการสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดทางท่าเรือระหว่างประเทศสมาชิก

ด้านนางโอลีเวีย เสิมบีริง ได้กล่าวขอบคุณเลขาธิการ ป.ป.ส. สำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมทั้งแบ่งปันข้อมูลสถานการณ์ยาเสพติดของไทยซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง โดยระบุว่าอินโดนีเซียกำลังเผชิญกับสถานการณ์ยาเสพติดที่ทวีความรุนแรงขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของไอซ์ และการมีเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติเข้ามาแทรกแซงในพื้นที่บาหลี เพื่อผลิตและลักลอบส่งออกยาเสพติดไปยังประเทศที่สาม 
ในช่วงท้ายของการหารือ ทั้งสองฝ่ายยืนยันความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนข้อมูล การข่าว ประสบการณ์ และแนวทางการปฏิบัติงาน และได้หารือถึง
ความเป็นไปได้ในการเชิญผู้ช่วยทูตฯ มาเป็นวิทยากรบรรยายพิเศษในหลักสูตรพัฒนาบุคลากรด้านการปราบปรามยาเสพติดของสำนักงาน ป.ป.ส. เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติดร่วมกันต่อไป