​

          เมื่อวันพุธที่ 19 - วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม 2567 พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้มอบหมายให้นางสาวศรีตระกูล เวลาดี ผู้อำนวยการสำนักการต่างประเทศ นำคณะผู้แทนไทย จาก สปป. และ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมคณะทำงานย่อยว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการลักลอบค้ายาเสพติด วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และสารตั้งต้น ครั้งที่ 8 ภายใต้กรอบ BIMSTEC (The 8th Meeting of the BIMSTEC Sub - Group on Prevention of Illicit Trafficking of Narcotic Drugs, Psychotropic Substances and Precursor Chemicals) โดยมีผู้แทนจากสำนักเลขาธิการ BIMSTEC และประเทศสมาชิก BIMSTEC 7 ประเทศ ได้แก่ ภูฏาน บังคลาเทศ อินเดีย เมียนมา เนปาล ศรีลังกา ไทย เข้าร่วมการประชุมฯ ณ โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ เดลลี กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย และผ่านระบบออนไลน์

          ที่ประชุมฯ ได้หารือในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้

          1. ในพิธีเปิดการประชุม นาย Anurag Garg อธิบดีสำนักงานควบคุมยาเสพติด (Narcotics Control Bureau: NCB) ประธานการประชุม
ได้กล่าวเปิดการประชุมและเน้นย้ำว่า ปัญหายาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นเป็นปัญหาที่สำคัญต่อความมั่นคงและทำลายสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมทแอมเฟตามีน เป็นปัญหาสำคัญในภูมิภาคนี้ จากรายงานของสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime: UNODC) พบว่า มีการตรวจยึดจับกุมเมทแอมเฟตามีนได้เป็นจำนวนมากในภูมิภาค ยิ่งไปกว่านั้น จากการห้ามปลูกฝิ่นในอัฟกานิสถานก่อให้เกิดการปลูกฝิ่นผิดกฎหมายในภูมิภาคนี้ทดแทนมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ประเทศสมาชิก BIMSTEC จึงต้องร่วมมือกันเพื่อทำลายเครือข่ายผู้ลักลอบค้ายาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งตั้น นอกจากนี้ ยังได้ขอบคุณประเทศไทยสำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกอบรมด้านการควบคุมเคมีภัณฑ์และการลักลอบการค้ายาเสพติดให้แก่ประเทศสมาชิก BIMSTEC เมื่อวันที่ 26 มีนาคม - 4 เมษายน 2566
ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่ดีในการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศในการต่อสู้กับปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะสารสังเคราะห์เสพติดชนิดใหม่ ๆ จากนั้น นาย Arunag ได้เสนอให้ประเทศสมาชิก BIMSTEC มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดระหว่างกัน กลไกลการทำงานที่สามารถที่สามารถปฏิบัติได้จริง การกำหนดพื้นที่เป้าหมาย บุคคลเป้าหมาย การสร้างกรอบการทำงานร่วมกัน รวมถึงการแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับ
การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และดาร์กเน็ต การป้องกันปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดน ตลอดจนการลักลอบขนยาเสพติดจำนวนมากทางทะเล อย่างไรก็ตาม ในการแก้ปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืนนั้น ไม่เพียงแต่เสริมสร้างศักยภาพการแก้ไขปัญหายาเสพติดเท่านั้่น แต่ควรเสริมศักยภาพในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่ออนาคตที่ปลอดภัยและมั่นคงของสังคมโลก

          2. ในวาระความคืบหน้าจากการประชุมคณะทำงานย่อยฯ ครั้งที่ 7 เลขาธิการ BIMSTEC ได้แจ้งที่ประชุมเกี่ยวกับความคืบหน้าจากการประชุมครั้งที่ผ่านมา รวมถึงได้ชื่นชมประเทศไทยที่เป็นผู้นำในการวบรวมร่างแผนปฏิบัติการ BIMSTEC Plan of Action และรายงานสถานการณ์ยาเสพติดประจำปี ของ BIMSTEC

          3. ในวาระรายงานสถานการณ์ประเทศ ประเทศสมาชิก BIMSTEC ทั้ง 7 ประเทศ ได้รายงานสถานการณ์ยาเสพติดในภาพรวมให้แก่ที่ประชุมฯ โดยประเทศสมาชิกได้แบ่งปันสถานการณ์ยเาสพติดและปัญหาการลักลอบค้ายาเสพติดและเคมีภัณฑ์ผ่านตามแนวชายแดน นอกจากนี้ แนวโน้มของยาเสพติดยังเริ่มเปลี่ยนแปลงจากยาเสพติดทั่วไปกลายเป็นยาเสพติดสังเคราะห์ สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น รวมถึงเรียกร้องให้มีความร่วมมือด้านการพัฒนาศักยภาพและการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในระดับภูมิภาคให้มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ประเทศสมาชิก
ยังให้ความสำคัญกับกรอบกฎหมายและความสามารถในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อสามารถต่อสู้กับปัญหาการลักลอบค้ายาเสพติดข้ามพรมแดนในภูมิภาคอ่าวเบงกอลได้อย่างมีศักยภาพ

          4. ในวาระร่างแผนปฏิบัติการ BIMSTEC Plan of Action ที่ประชุมฯ เห็นชอบให้ทุกประเทศกรอกข้อมูลตามแม่แบบที่กำหนด
หากประเทศใดไม่ได้กรอกข้อมูลตามแม่แบบที่กำหนดไว้ให้ดำเนินการแก้ไขตาม Template และนำส่งข้อมูลตามรูปแบบที่ถูกต้องให้แก่
สำนักเลขาธิการ BIMSTEC ต่อไปในโอกาสแรก

          5. ในวาระรายงานสถานการณ์ยาเสพติดประจำปี ของ BIMSTEC ฉบับที่ 2 ประจำปี 2021 ที่ประชุมฯ เห็นชอบให้ประเทศบังกลาเทศ
และภูฏานส่งรายงานสถานการณ์ยาเสพติดให้ประเทศไทย ภายในวันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อให้ประเทศไทยรวบรวมและเผยแพร่ฉบับออนไลน์ ต่อไป ในขณะเดียวกันก็เห็นชอบให้ประเทศสมาชิก BIMSTEC ส่งข้อมูลรายงานสถานการณ์ยาเสพติดประจำปี 2024 เพื่อจัดทำรายงานประจำปี ฉบับที่ 3 ให้แก่ประเทศอินเดียภายในเดือนมีนาคม 2568 เพื่อดำเนินการรวบรวมและเผยแพร่ต่อไป นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้สำนักเลขาธิการ BIMSTEC ออกแบบแม่แบบ/รูปแบบกลาง สำหรับการจัดทำรายงานสถานการณ์ เพื่อให้การจัดทำข้อมูลเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

          6. ในวาระความต้องการ การสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพด้านการปราบปราม ป้องกัน และลดอันตราย ประเทศสมาชิกต่างแสดง
ความต้องการที่จะรับการพัฒนาศักยภาพในด้านต่าง ๆ ทั้งนี้ ประเทศอินเดียซึ่งเคยเสนอการจัดฝึกอบรมระยะกลางและระยะสั้นในการประชุมคณะทำงานย่อยฯ ครั้งที่ 7 ได้แจ้งความคืบหน้าต่อที่ประชุมฯ ครั้งนี้ว่า จะแจ้งวันและสถานที่ที่คาดว่าจะจัดการฝึกอบรมให้ทราบได้ภายใน
เดือนมีนาคม 2568

          7. ในวาระอื่น ๆ ที่ประชุมฯ ที่ประชุมร้องขอให้ประเทศไทยจัดการฝึกอบรมด้านการควบคุมสารตั้งต้น เคมีภัณฑ์ และการลักลอบค้า
ยาเสพติดสำหรับเจ้าหน้าที่ในประเทศสมาชิก ภายใต้กรอบ BIMSTEC อย่างต่อเนื่องต่อไป เนื่องจากความรู้ที่ได้จากการอบรมที่ประเทศไทยทำให้หลายประเทศนำไปปรับใช้ประโยชน์ได้ดีในประเทศของตน โดยไทยได้แจ้งต่อที่ประชุมฯว่า จะพิจารณาความเป็นไปได้ในเรื่องดังกล่าวและแจ้งกลับสำนักเลขาธิการ BIMSTEC ภายในโอกาสแรก

          8. ในวาระประเทศเจ้าภาพและสถานที่จัดประชุมคณะทำงานย่อยฯ ครั้งที่ 9 ตัวแทนของประเทศภูฎานและศรีลังกา ได้เสนอยินดี
ในหลักการในการเป็นเจ้าภาพ ทั้งนี้ จะเสนอรัฐบาลและหน่วยต้นสังกัดทราบ โดยแจ้งผลการพิจารณา แก่สำนักเลขาธิการ BIMSTEC ภายในวันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568

          นอกจากนี้ ในห้วงระหว่างการประชุมฯ นางสาวศรีตระกูล เวลาดี ได้หารือทวิภาคีนอกรอบกับนาย Anurag Garg อธิบดีสำนักงานควบคุมยาเสพติด (NCB) โดยมีสรุปผลการหารือ ดังนี้
          1. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะจัดการประชุมกำหนดการประชุมทวิภาคีระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส. และ NCB โดยฝ่ายไทยจะเสนอ
ในห้วงเวลา และสถานที่่ที่เหมาะสมเพื่อกำหนดร่วมกันภายในปี 2568
          2. ทาบทามและเรียนเชิญผู้แทนจากอินเดีย เข้าร่วมกิจกรรมคู่ขนาน (Side Event) ของไทย ในห้วงการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติดครั้งที่ ๖๘ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2568 เวลา 13.00 - 14.00 น. ภายใต้แนวความคิด "จากการผลิตที่ผิดกฎหมายสู่การบำบัด:
การนำเสนอปัญหาวิกฤตเมทแอมเฟตามีนในพื้นที่แม่น้ำโขงและใกล้เคียง (From Illicit Manufacture to Treatment: Addressing the methamphetamine crisis in the Mekong and Beyond)" ทั้งนี้ ให้นำเสนอภายในกรอบเวลา 5-7 นาที ในประเด็นที่เกี่ยวกับการควบคุมสารเคมี โดยนาย Arurag Garg มีท่าทีเชิงบวกต่อการทาบทามดังกล่าว และจะแจ้งผลการพิจารณาในโอกาสแรกต่อไป