ป.ป.ส. ศึกษาดูงานด่านศุลกากรเวียดนาม เน้นย้ำความสำคัญของการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ​

เมื่อวันที่ : 29 พ.ย. 2567 00:00
หน่วยงาน : สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
6 ครั้ง
ป.ป.ส. ศึกษาดูงานด่านศุลกากรเวียดนาม เน้นย้ำความสำคัญของการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

oncbnews11-29-11-2567-8.jpg
 

          พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้มอบหมายให้นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย พร้อมด้วย นางสาวพรทิพย์ แจ่มพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส. ภาค 2 นางสาวศรีตระกูล เวลาดี ผู้อำนวยการสำนักการต่างประเทศ และผู้แทนจากกองสำนักที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการศึกษาดูงานด้านการสกัดกั้นปราบปรามยาเสพติด ระหว่างวันอาทิตย์ที่ 24 - วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน 2567  (รวมวันเดินทางไป - กลับ) ณ นครโฮจิมินห์ จังหวัดบินห์ถ่วน และจังหวัดหวุงเต่า สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

          วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน 2567 เวลา 14.00 – 16.00 น. นางสาวพรทิพย์ แจ่มพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส. ภาค 2 ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทยแทนนายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ซึ่งได้เดินทางกลับประเทศไทยในช่วงเช้าของวันเดียวกัน เนื่องจากมีภารกิจเร่งด่วนที่จังหวัดเชียงราย ในโอกาสนี้ คณะผู้แทนไทยได้เข้าศึกษาดูงาน ณ สำนักงานด่านศุลกากรท่าเรือกัตลาย (Cat Lai Seaport) นครโฮจิมินห์ โดยนางสาวลี เหี่ยน หว่า (Ms. Ly Hien Hoa) รองผู้อำนวยการด่านศุลกากรท่าเรือกัตลาย ให้การต้อนรับคณะ

          ทั้งนี้ ท่าเรือกัตลาย ถือเป็นหนึ่งในท่าเรือย่อยที่ทันสมัยที่สุดซึ่งอยู่ภายใต้ระบบโครงข่ายท่าเรือไซง่อน (Saigon Seaport) และมีบทบาทสำคัญในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบลำเลียงยาเสพติด ซึ่งรองผู้อำนวยการด่านศุลกากรท่าเรือกัตลายได้กล่าวถึงภาพรวมของ การดำเนินงานภายใต้แผนปฏิบัติการ ด้านป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของกรมศุลกากรเวียดนาม โดยมุ่งเน้นการตรวจสอบและเฝ้าระวังการลักลอบลำเลียงยาเสพติด ผ่านระบบตรวจสอบอัตโนมัติ ๒๔ ชั่วโมง โดยเฉพาะสินค้าที่มีที่มาและปลายทางในพื้นที่เสี่ยง อาทิ สามเหลี่ยมทองคำ ภูมิภาคอเมริกาใต้ เอเชียกลาง และพื้นที่เสี่ยงอื่น ๆ อาทิ ฮ่องกงและไต้หวัน ทั้งนี้ ด่านศุลกากรท่าเรือกัตลายได้ใช้ระบบการลงทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์ในการจัดการข้อมูลสินค้า แบ่งการตรวจสอบสินค้าออกเป็น 3 ช่องทาง ได้แก่ ช่องสีเขียว (สำหรับสินค้าที่มีความเสี่ยงต่ำ ได้รับการยกเว้นจากการตรวจสอบอย่างละเอียด) ช่องสีเหลือง (สำหรับสินค้าที่ต้องตรวจสอบเอกสารประกอบ) และช่องสีแดง (สำหรับสินค้าที่มีความเสี่ยงสูง ต้องตรวจสอบทั้งเอกสารและสินค้าจริง) 

             การลักลอบลำเลียงยาเสพติดที่ท่าเรือกัตลายมีความหลากหลายและซับซ้อน กลุ่มนักค้ามักใช้วิธีการซุกซ่อนยาเสพติดในสินค้า เช่น กล่อง ฐานสินค้า หรือช่องลับในสินค้าประเภทแฮนด์เมด รวมถึงการซุกซ่อนในสินค้าที่ผ่านการตรวจสอบในช่องสีเขียว อาทิ กาแฟและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมักได้รับสิทธิประโยชน์ในการส่งออก นอกจากนี้ยังมีการลักลอบผ่านตู้คอนเทนเนอร์ โดยเลือกบริษัทขนส่งที่น่าเชื่อถือเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ และการลักลอบทางไปรษณีย์ โดยใช้ชื่อปลอมส่งพัสดุหรือหลีกเลี่ยงการเข้ารับสินค้าในกรณีที่มีความเสี่ยงถูกตรวจสอบ ตัวอย่างสำคัญในปี 2560 คือ การตรวจพบโคเคนน้ำหนัก 31 กิโลกรัม ซุกซ่อนในฐานไม้ยกสินค้า ซึ่งแสดงถึงความพยายามปรับเปลี่ยนกลยุทธ์อย่างต่อเนื่องของกลุ่มนักค้า อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ศุลกากรเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น ข้อจำกัดด้านข้อมูลข่าวกรอง งบประมาณสนับสนุนที่ไม่เพียงพอ การขาดแคลนอุปกรณ์ตรวจสอบ และปริมาณตู้สินค้ากว่า 10,000 ตู้ต่อวันที่ต้องบริหารจัดการ ภายใต้นโยบายที่มุ่งลดอัตราการตรวจสอบให้ต่ำกว่าร้อยละ 5 เพื่อสนับสนุนการค้าและส่งออก ซึ่งความท้าทายเหล่านี้ สะท้อนถึงความจำเป็นในการพัฒนามาตรการตรวจสอบและทรัพยากรสนับสนุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบลำเลียงยาเสพติดที่ท่าเรือ

               ในช่วงท้ายของการศึกษาดูงาน หัวหน้าคณะผู้แทนไทยได้กล่าวขอบคุณฝ่ายเวียดนามที่ให้ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ที่มีประโยชน์ โดยเน้นย้ำว่า การแลกเปลี่ยนข้อมูล และความร่วมมือระหว่างประเทศ เป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด การศึกษาดูงานในครั้งนี้เปิดโอกาสให้ฝ่ายไทยได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของเวียดนาม เช่น วิธีการบริหารจัดการ ตู้คอนเทนเนอร์ ขนส่งสินค้า และการตรวจสอบน้ำหนักสินค้า ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญในการป้องกันการลักลอบลำเลียงยาเสพติด ประสบการณ์เหล่านี้สามารถนำไปปรับใช้กับระบบของไทย โดยเฉพาะที่ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งมีปัญหาลักษณะคล้ายคลึงกัน อนึ่ง หลังการรับฟังการบรรยายสรุปและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ คณะผู้แทนไทยยังได้มีโอกาสศึกษาดูงานการบริหารจัดการตู้คอนเทนเนอร์ในพื้นที่ปฏิบัติงานจริงที่ท่าเรือกัตลาย เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจ และศึกษาแนวทางเพื่ปรับใช้กับบริบทของประเทศไทย
               วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.00 – 11.00 น. นางสาวพรทิพย์ แจ่มพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส. ภาค 2 ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ในการเข้าศึกษาดูงาน ณ สำนักงานด่านศุลกากรท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซิญเญิ้ต (Ton Son Nhat International    Airport) นครโฮจิมินห์ โดยมีนายบุ๋ย ทาน หุง (Mr. Bui Thanh Hung) รองผู้อำนวยการด่านศุลกากรท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซิญเญิ้ต     ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ ด่านศุลกากรเตินเซินเญิ้ตเป็นด่านศุลกากรทางอากาศที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำการ 63 นาย พร้อมด้วยสุนัขดมกลิ่น และปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง ภารกิจหลักของด่านศุลกากรแห่งนี้ ครอบคลุมการตรวจสอบและควบคุมสินค้าขาเข้าและขาออก การจัดเก็บภาษีศุลกากร รวมถึงการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าและส่งออกยาเสพติดและสารตั้งต้น ทั้งนี้ การดำเนินงานดังกล่าวอยู่ภายใต้ความร่วมมือ อย่างใกล้ชิดกับกรมศุลกากรและกรมตำรวจต่อสู้ยาเสพติดของเวียดนาม

              ในปี 2566 ด่านศุลกากรเตินเซิญเญิ้ตสามารถจับกุมคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้ 26 คดี ยึดยาเสพติดของกลางรวม 64 กิโลกรัม ซึ่งรวมถึงการลักลอบนำเข้ายาอีจากยุโรปผ่านระบบไปรษณีย์มากกว่า 30 กิโลกรัม สำหรับปี 2567 (ข้อมูลถึงเดือนพฤศจิกายน) มีการจับกุมคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด 16 คดี โดยของกลางที่ตรวจพบส่วนใหญ่มาจากสินค้าและสัมภาระที่มีต้นทางจากภูมิภาคอเมริกาใต้ อเมริกากลาง และยุโรป ด่านศุลกากรฯ ยังเฝ้าระวังพฤติกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การส่งสินค้าหลายชิ้นไปยังปลายทางที่หลากหลาย และการใช้บริการขนส่งจากบริษัทที่ไม่มีการบันทึกข้อมูลผู้ส่งและผู้รับอย่างครบถ้วน ตัวอย่างคดีสำคัญ ได้แก่ การตรวจยึดเมทแอมเฟตามีน 9.8 กิโลกรัม ซุกซ่อนในเครื่องใช้และเสื้อผ้าที่จัดส่งในรูปแบบพัสดุ เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 และการจับกุมผู้โดยสารสายการบินโคเรียนแอร์ไลน์ 3 ราย พร้อมของกลางคีตามีน 1.5 กิโลกรัม และยาอี 18 กรัม ที่ซุกซ่อนในชุดชั้นใน เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2567

              ในการศึกษาดูงานครั้งนี้ คณะผู้แทนไทยได้ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับฝ่ายเวียดนาม โดยประเทศไทยพบปัญหาการลักลอบนำเข้ายาเสพติดผ่านท่าอากาศยานอย่างต่อเนื่อง โดยท่าอากาศยานหลักที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต และอู่ตะเภา ในปี 2566 มีการจับกุม 209 คดี และในปี 2567 มีการจับกุม 87 คดี ยาเสพติดที่ตรวจพบได้บ่อย ได้แก่ ไอซ์ เฮโรอีน โคเคน และยาอี ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ดำเนินมาตรการป้องกันการขนส่งยาเสพติดทางไปรษณีย์อย่างเข้มงวด โดยกำหนดให้ผู้ส่งแสดงบัตรประชาชนหรือเอกสารประจำตัวก่อนการส่งสินค้า โดยเฉพาะในประเทศกลุ่มเสี่ยง นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานยังได้รับการฝึกฝนให้มีความรู้และประสบการณ์ในการสังเกตรายละเอียดของสินค้าต้องสงสัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบ การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ อาทิ กลไกความร่วมมือการสกัดกั้นยาเสพติด ณ ท่าอากาศยาน (Airport Interdiction Task Force: AITF) ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการปราบปรามยาเสพติดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในห้วงท้าย หัวหน้าคณะผู้แทนไทยได้แสดงความขอบคุณต่อด่านศุลกากรเตินเซิญเญิ้ตสำหรับการต้อนรับและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่มีประโยชน์ และหวังว่าความร่วมมือระหว่างไทยและเวียดนามจะพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการสกัดกั้นยาเสพติดและสนับสนุนความปลอดภัยในภูมิภาคอย่างยั่งยืน
oncbnews11-29-11-2567-1.jpg
 
oncbnews11-29-11-2567-2.jpg
 
oncbnews11-29-11-2567-3.jpg
 

 
oncbnews11-29-11-2567-4.jpg
 
oncbnews11-29-11-2567-5.jpg
 
oncbnews11-29-11-2567-6.jpg
 
oncbnews11-29-11-2567-7.jpg
 
oncbnews11-29-11-2567-9.jpg
YouTube Instagram TikTok X Threads search download
Q&A FAQ