
วันที่ 31 สิงหาคม 2567 พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รมว.ยธ. พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ
รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สปป. นายธันวา ผุดผ่อง ผชช.ปปส.ภ.5 และหน่วยงานความมั่นคง ประกอบด้วย
พล.ต.ท. คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. พล.ต.ต.ธนะรัชน์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ภ.5 พล.ต.ชายแดน กฤษณสุวรรณ ผบ.พล.ร.7/รอง ผบ.นบ.ยส.35 นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รอง ผวจ.เชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่หน่วยต่างๆ สนธิกำลังกว่า 150 นาย ปฏิบัติการ “ตัดไฟแต่ต้นลม” ครั้งที่ 1 เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 13 จุด ในจังหวัดเชียงราย และเชียงใหม่ เพื่อสกัดกั้นและทลายเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ
ตอนบน
พ.ต.อ. ทวี กล่าว ประเทศไทยเป็นทั้งจุดหมายปลายทางและเส้นทางผ่านของยาเสพติด ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความมั่นคง
ของชาติ เนื่องจากรากฐานสำคัญของความมั่นคงอยู่ที่คุณภาพของประชาชนและทรัพยากรมนุษย์ ดังนั้น ปฏิบัติการ "ตัดไฟแต่ต้นลม"
จึงมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ โดยสกัดกั้นยาเสพติดตั้งแต่ต้นทาง ป้องกันไม่ให้ยาเสพติดเข้ามาทำลายชีวิตและอนาคตของประชาชน ปัญหายาเสพติดในปัจจุบันมิได้จำกัดอยู่เพียงภายในประเทศไทย หากแต่เป็นปัญหาในระดับภูมิภาค การดำเนินการปราบปรามผู้ผลิตและผู้ค้า ตลอดจนการสกัดกั้นยาเสพติดมิให้เข้าประเทศ จึงถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญยิ่ง และการส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อขยายผลการปราบปรามไปยังแหล่งผลิต เครือข่าย และกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลัง
ผมขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกท่านจากทุกหน่วยงานที่ได้ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ ความทุ่มเท เสียสละ และความกล้าหาญของทุกท่าน
เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายในการแก้ไขปัญหายาเสพติด และสร้างสรรค์สังคมที่ปลอดภัย มั่นคง และยั่งยืน
ปฏิบัติการครั้งนี้ สืบเนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้กำหนดให้ 25 จังหวัด เป็นพื้นที่เร่งด่วนแก้ไขปัญหายาเสพติดให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 90 วัน ภายใต้แผน “ปฏิบัติการเร่งรัดการดำเนินงานป้องกันปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ระยะเร่งด่วน 3 เดือน” โดยมุ่งเน้นลดบทบาทเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญที่เชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ลักลอบนำเข้ายาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือตอนบน
เป้าหมายสำคัญของปฏิบัติการครั้งนี้คือการทลายเครือข่ายค้ายาเสพติดของ พ.อ. จะลอโบ อดีตรองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมทางทหาร 171 กกล.ว้าใต้ (UWSA) และ นายวีระ หมื่นจะดา ซึ่งเชื่อมโยงกับคดียาเสพติดรายใหญ่เมื่อเดือนมีนาคม 2567 ที่สามารถจับกุม
ผู้ต้องหาพร้อมของกลางไอซ์ 309 กิโลกรัม และเฮโรอีน 230 กิโลกรัม ในพื้นที่ สภ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และจากการสืบสวนขยายผลพบว่า
เครือข่ายของ พ.อ. จะลอโบ มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่รัฐฉาน ประเทศเมียนมา เข้าสู่ประเทศไทยผ่านทางพื้นที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ โดยมีการว่าจ้างกลุ่มผู้ลำเลียงชาวไทย และกลุ่มผู้ประสานงานจากพื้นที่เมืองต่วน ประเทศเมียนมา
ผลการปฏิบัติการสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในเครือข่ายของ พ.อ. จะลอโบ ได้ 4 ราย และยึด/อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่อง
กับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ประกอบด้วย
- อสังหาริมทรัพย์ 20 แปลง มูลค่าประมาณ 61,450,000 บาท
- บัญชีเงินฝาก 16 บัญชี มูลค่าประมาณ 472,00 บาท
- เงินสด มูลค่าประมาณ 210,000 บาท
- ยานพาหนะ 6 คัน มูลค่าประมาณ 3,000,000 บาท
- ทองรูปพรรณ 7 รายการ มูลค่าประมาณ 570,000 บาท
- ทรัพย์สินอื่นๆ 10 รายการ มูลค่าประมาณ 400,000 บาท
รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดได้ทั้งสิ้น 66,102,000 บาท
พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยว่า ปฏิบัติการ “ตัดไฟแต่ต้นลม” ในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการตามนโยบาย
ของรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญกับการปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง โดยมุ่งเน้นการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ในการดำเนินคดีกับกลุ่มทุน ผู้มีอิทธิพล รวมถึงการใช้ พ.ร.บ. ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. 2535 (MLAT) เพื่อการขยายผลเครือข่ายยาเสพติดทั้งในและต่างประเทศ ตัดวงจรการค้า ลดปัญหาการแพร่ระบาดในประเทศ และลดความเดือดร้อนของประชาชนอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ การดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ยังคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดย สำนักงาน ป.ป.ส. จะยังคงเดินหน้าปราบปราม
ยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง เพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ และการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ
เพื่อให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดของประเทศไทยบรรลุผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม










