​

          เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และประธานการประชุมทวิภาคี
ไทย - เมียนมา เรื่อง ความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ 25 ณ โรงแรมโนราบุรี รีสอร์ท แอนด์ สปา อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมี พลตรี โต ยี รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและคณะกรรมการกลางเพื่อการควบคุมยาเสพติดแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (Central Committee for Drug Abuse Control: CCDAC) และ พลตำรวจจัตวา วิน หน่าย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปราม
ยาเสพติด และเลขาธิการร่วม CCDAC เป็นประธานร่วมฯ การประชุมยังประกอบด้วย นายธนากร คัยนันท์ ที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด คณะผู้บริหารของสำนักงาน ป.ป.ส. คณะผู้บริหารของ CCDAC ผู้แทนจากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธร
ภาค 8 กองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 3 และกองทัพเรือ เข้าร่วมการประชุม


          การประชุมทวิภาคีไทย - เมียนมาฯ ครั้งที่ 25 มีวัตถุประสงค์เพื่อรับทราบสถานการณ์ยาเสพติดในปัจจุบันของทั้งสองฝ่าย และหารือ
ความร่วมมือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกัน โดยในที่ประชุม พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ
ได้เน้นย้ำถึง แนวนโยบายด้านยาเสพติดของรัฐบาลตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่ได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระเร่งด่วน และดำเนินการในทุกด้านอย่างครบวงจร ภายใต้แนวคิด “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” และได้กำหนดให้มีปฏิบัติการลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติดและผลกระทบทางสังคมอย่างเร่งด่วน (Quick win) โดยจะดำเนินการในทุกมิติ และใช้มาตรการ ปลุก เปลี่ยน ปราบ คือ ปลุกชุมชนให้เข้มแข็ง เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย ปราบปราม สกัดกั้น ยึดทรัพย์ผู้ค้า และจัดการเจ้าหน้าที่รัฐผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ในที่ประชุมทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกันที่จะยกระดับปฏิบัติการคู่ขนานระหว่างประเทศเพื่อการปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสร้างแรงกดดันให้กับกลุ่มนักค้ายาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำให้มากที่สุด พร้อมทั้งตกลงร่วมกันที่จะสนับสนุนการแลกเปลี่ยนข่าวสารอย่างทันท่วงที การติดตามจับกุมผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับคดียาเสพติดระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้แสดงความขอบคุณฝ่ายเมียนมา ที่ได้ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาชาวไทยที่หลบหนีหมายจับคดียาเสพติดรายสำคัญตามเป้าหมายที่ฝ่ายไทยร้องขออย่างจริงจัง


          นอกจากนี้ ในด้านการควบคุมสารเคมีภัณฑ์ ทั้งสองฝ่ายได้หารือแนวทาง/มาตรการ การควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ไม่ให้รั่วไหลเข้าสู่แหล่งผลิต โดยเฉพาะเคมีภัณฑ์ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมตามกฎหมายแต่สามารถนำไปผลิตยาเสพติดได้ การสนับสนุนความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนตัวอย่างยาเสพติด หีบห่อ พัสดุภัณฑ์ ผลตรวจพิสูจน์ยาเสพติด ข้อมูลด้านวิชาการเพื่อใช้ในการระบุแหล่งที่มาของยาเสพติด
สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการผลิต ฝ่ายไทยยังได้แสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพให้แก่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและบุคลากรที่เกี่ยวข้องของเมียนมา เช่น โครงการฝึกอบรมในด้านการตรวจพิสูจน์ยาเสพติดในปัสสาวะ รวมถึงการสนับสนุนชุดทดสอบ
ยาเสพติด และสารตั้งต้น โครงการฝึกอบรมการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายยาเสพติดในกลุ่มประเทศอาเซียน หลักสูตรเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษอินทรีย์ 19 และโครงการพัฒนาเครือข่ายเยาวชนระหว่างประเทศเพื่อการป้องกันยาเสพติด เพื่อให้เยาวชนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงมีความรู้ความเข้าใจด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในบริบทที่เหมาะสมกับประเทศตนเอง ตลอดจนการหารือความร่วมมือและการสนับสนุนการดำเนินโครงการพัฒนาทางเลือกในพื้นที่หนองตะยา เมืองพินเลา ทางตอนใต้ของรัฐฉาน ในปีถัดไป และความร่วมมือภายใต้แผนปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัย 6 ประเทศ ในปี 2567


          ในห้วงท้ายของการประชุม พลตำรวจจัตวา วิน หน่าย ได้แสดงความขอบคุณหัวหน้าคณะผู้แทนไทยที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งนี้ และแสดงความยินดีที่การประชุมประสบผลสำเร็จลุล่วงด้วยดี และหวังว่าความร่วมมือและสัมพันธภาพระหว่างสองประเทศจะมั่นคงและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ภายหลังการประชุมทวิภาคีฯ เสร็จสิ้นลง คณะผู้แทนไทยและเมียนมาได้เดินทางไปศึกษาดูงานด้านการพัฒนาอาชีพ
ณ เรือนจำอำเภอเกาะสมุย และการศึกษาดูงานการบริหารจัดการสถานีตำรวจของประเทศไทย และรับฟังการบรรยายสรุปในหัวข้อ “สถานการณ์ยาเสพติดและการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในสถานที่ท่องเที่ยว” ณ สถานีตำรวจท่องเที่ยวเกาะสมุย ทั้งนี้ ฝ่ายเมียนมา
จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมทวิภาคีเมียนมา - ไทย เรื่อง ความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ 26 ในปี 2568
ณ ประเทศเมียนมา