ไทยร่วมลงมติเปลี่ยนแปลงขอบเขตการควบคุมสารตามอนุสัญญาการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ 23 รายการ ในการประชุม CND สมัยที่ 67

เมื่อวันที่ : 20 มี.ค. 2567 00:00
หน่วยงาน : สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
5 ครั้ง
ไทยร่วมลงมติเปลี่ยนแปลงขอบเขตการควบคุมสารตามอนุสัญญาการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ 23 รายการ ในการประชุม CND สมัยที่ 67

20240320-01_news1_01.jpg
 

 
          เมื่อวันอังคารที่ 19 มีนาคม 2567 เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ ศูนย์การประชุมนานาชาติกรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. มอบหมายให้ นายธนากร คัยนันท์ ที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เข้าร่วมการ
ลงมติเปลี่ยนแปลงขอบเขตการควบคุมสารตามอนุสัญญาการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศในการประชุมสมัยสามัญในห้วงการประชุม CND สมัยที่ 67 ทั้ง 3 ฉบับ 
 
 
          โดยมี นายวิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (สำนักงาน อย.) เป็นผู้แทนในการลงมติ ซึ่งที่ประชุมฯ มีมติ
เพิ่มรายการสาร จำนวน 23 รายการ ในการควบคุมตามอนุสัญญายาเสพติดระหว่างประเทศ ได้แก่ Butonitazene ในบัญชีที่ 1 ของอนุสัญญาฯ
ปี ค.ศ. 1961 3-Chloromethcathinone (3-CMC), Dipentylone และ 2-fluorodeschloroketamine ในบัญชีที่ 2 และBromazolam ในบัญชีที่ 4
ของอนุสัญญาฯ ปี ค.ศ. 1971 รวมทั้งสารตั้งต้นที่สามารถนำไปผลิตยาเสพติดประเภทเมทแอมเฟตามีน ยาอี MDMA เฟนทานิลได้ ให้อยู่ภายใต้
การควบคุมในบัญชีที่ 1 ของอนุสัญญาฯ ปี ค.ศ. 1988 
 
 
          ทั้งนี้ ผลจากการลงมติเพิ่มรายการสารภายใต้การควบคุมระหว่างประเทศนี้ จะได้นำไปสู่การพิจารณาเพิ่มรายการสารดังกล่าวในการควบคุมตามกฎหมายภายในประเทศไทยต่อไป ในห้วงการประชุม CND สมัยที่ 67 ที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ได้กล่าวสนับสนุนเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับสูงของการประชุม CND สมัยที่ 67 ที่เน้นย้ำความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศในทุกระดับ การเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล นวัตกรรมทางเทคโนโลยี การเพิ่มศักยภาพและการจัดสรรทรัพยากรระหว่างกัน พร้อมเสนอให้นานาชาติทำงานใกล้ชิดกับองค์การระหว่างประเทศ อย่างองค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) และคณะกรรมการยาเสพติดระหว่างประเทศ (International Narcotics Control Board : INCB) ในการแจ้งเตือนและเตรียมการรับมือกับการเพิ่มขึ้นของยาเสพติดโดยเฉพาะ
ยาเสพติดสังเคราะห์ ตลอดจนการลดช่องว่างขีดความสามารถของประเทศสมาชิกในการรับมือความเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วของเทคโนโลยีที่เพิ่มโอกาสของอาชญากรรมยาเสพติด โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับสังคมออนไลน์ และนายวิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการ อย. ร่วมกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมดังกล่าวย้ำถึงการดำเนินการของไทยให้เป็นไปตามพันธกรณีที่มีต่ออนุสัญญาการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศทั้ง 3 ฉบับ จะการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการขึ้นทะเบียนวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทชนิดใหม่ให้มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมถึง การจัดให้มียาทางการแพทย์ที่มีส่วนประกอบของยาเสพติดอย่างเพียงพอและทั่วถึง
 
 
          โดยสนับสนุนบทบาทของภาคเอกชนในการวิจัยและผลิตยาให้เพียงพอต่อความต้องการ ทั้งในประเทศไทยและในระดับภูมิภาคอาเซียน จากนั้น นายธนากร คัยนันท์ ที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เข้าร่วมกล่าวเปิดกิจกรรมคู่ขนานหัวข้อ “Joining International Efforts on Alternative Development” ซึ่งจัดขึ้นโดย เปรู โดยกล่าวว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาของการดำเนินงานตามแนวปฏิบัติสหประชาชาติ
ว่าด้วยการพัฒนาทางเลือก (United Nations Guiding Principles on Alternative Development: UNGPs on AD) รวมถึงความร่วมมือระหว่างไทย เยอรมนี และเปรู ในการผลักดัน UNGPs on AD สู่การปฏิบัติ และเน้นย้ำบทบาทของไทยในการส่งเสริมการใช้มาตรการการพัฒนา
ทางเลือกเพื่อการแก้ไขปัญหายาเสพติดโลกอย่างยั่งยืน

20240320-01_news1_02.jpg
 
20240320-01_news1_03.jpg
 
20240320-01_news1_04.jpg
 
20240320-01_news1_05.jpg
 
20240320-01_news1_06.jpg
YouTube Instagram TikTok X Threads search download
Q&A FAQ