ผู้ช่วยทูตตำรวจอิตาลีเข้าพบเลขาธิการ ป.ป.ส. หารือความร่วมมือด้านยาเสพติดระหว่างสองประเทศ

เมื่อวันศุกร์ที่ 1 มีนาคม 2567 พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นประธานให้การต้อนรับ พลจัตวา นิโคลา กัลโล (Brigadier General Nicola GALLO) ผู้ช่วยทูตตำรวจอิตาลี ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก ในโอกาสเยี่ยมคารวะเพื่อหารือความร่วมมือด้านยาเสพติด โดยมีนางสาวศรีตระกูล เวลาดี ผู้อำนวยการสำนักการต่างประเทศพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ร่วมให้การต้อนรับ
ณ สำนักงาน ป.ป.ส.
พลจัตวา นิโคลา กัลโล ได้กล่าวขอบคุณ เลขาธิการ ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ สำนักงาน ป.ป.ส. ที่ได้สละเวลามาหารือด้านความร่วมมือด้านยาเสพติดในวันนี้ จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อมูลโครงสร้างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมยาเสพติด และแลกเปลี่ยนสถานการณ์ปัญหายาเสพติดของทั้งสองประเทศ โดยพลจัตวา นิโคลา กัลโล ได้อธิบายโครงสร้างหน่วยงานตำรวจอิตาลี 4 หน่วยงาน ได้แก่ ตำรวจพลเรือน (State Police) กระทรวงมหาดไทย ตำรวจทหาร (The Meritorious Corps)กระทรวงกลาโหม ตำรวจการเงินและเศรษฐกิจ (Financial Guard) กระทรวงเศรษฐกิจ และตำรวจราชทัณฑ์ (Prison Guards) กระทรวงยุติธรรม ทำให้การดำเนินงานในด้านยาเสพติดมีความทับซ้อน
กันในบางครั้ง จึงได้มีหน่วยงาน Central Directorate for Anti-Drug Services สังกัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีบทบาทคล้ายกับ สำนักงาน ป.ป.ส.
เป็นผู้ประสานงานกลางกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อลดความทับซ้อนในการประสานงานในด้านดังกล่าว
โดยเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้กล่าวยินดีต้อนรับ พลจัตวา นิโคลา กัลโล และได้ให้ข้อมูลสภาพปัญหายาเสพติดในภูมิภาค ซึ่งมีการ
แพร่ระบาดของยาบ้า ไอซ์ และยาเสพติดชนิดอื่น ๆ จากแหล่งผลิตยาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ และทางตอนเหนือของเมียนมา โดยประเทศไทยมีการแพร่ระบาดของยาบ้าเป็นหลัก ส่วนไอซ์จะถูกส่งผ่านไทยไปยังประเทศที่สาม อาทิ ไต้หวัน และออสเตรเลีย ซึ่งประเทศไทยได้มีความพยายามเพื่อป้องกันการรั่วไหลของสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ไม่ให้เข้าไปในแหล่งผลิต โดยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา คณะผู้แทนไทย นำโดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย เลขาธิการ ป.ป.ส. และคณะผู้แทนสำนักงาน ป.ป.ส. ได้เดินทางไปประเทศจีน
และได้หารือเพื่อยกระดับความร่วมมือด้านการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน ซึ่งฝ่ายจีนได้ตกลงที่จะให้ความร่วมมือในเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งยกให้เรื่องยาบ้าเป็นปัญหายาเสพติดในภูมิภาค อีกทั้งสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ยังได้ยกให้ประเทศไทยเป็นประเทศหลักในการแก้ไขปัญหายาบ้าในภูมิภาคด้วยเช่นกัน
ซึ่งการแก้ไขปัญหายาเสพติดในเรื่องดังกล่าวประเทศไทยได้ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณและการเสริมสร้างศักยภาพบุคลากร
ด้านปราบปรามยาเสพติดและการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด ให้แก่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายยาเสพติด เมียนมา สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สปป.ลาว
ทั้งนี้นโยบายรัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระเร่งด่วน
และดำเนินการในทุกด้านอย่างครบวงจร ภายใต้แนวคิด “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” และได้กำหนดให้มีปฏิบัติการลดความรุนแรงของปัญหา
ยาเสพติดและผลกระทบทางสังคมอย่างเร่งด่วน (Quick win) โดยดำเนินการใน 2 ด้าน คือ (1) การกำหนดพื้นที่เร่งด่วนตามมาตรา 5 (10)
ของประมวลกฎหมายยาเสพติด เพื่อดำเนินการสกัดกั้นการนำเข้ายาเสพติดไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ของประเทศไทย ผ่านพื้นที่ภาคเหนือในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย และพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในจังหวัดนครพนม ร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ ซึ่งสามารถสกัดกั้นยาเสพติดได้จำนวนมหาศาล จึงทำให้เครือข่ายนักค้ายาเสพติดเปลี่ยนเส้นทางไปยัง สปป.ลาว ผ่านเข้ามายังภาคอีสานตอนล่าง
ของไทย ทำให้ไทยต้องให้ความสำคัญกับ สปป.ลาว เป็นพิเศษ และ (2) การแก้ไขปัญหาผู้มีอาการทางจิตเวชจากยาเสพติดที่มีอาการรุนแรง
มีเป้าหมาย 4,414 คน ขณะนี้ดำเนินการเข้าสู่ระบบบำบัดรักษาเรียบร้อยแล้วและเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาบ้าในไทยอย่างยั่งยืน สำนักงาน ป.ป.ส. อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยเพื่อหายาทดแทนการใช้ยาบ้า และยาที่ใช้ในการรักษาอาการติดยาบ้า โดยอยู่ในช่วงเริ่มต้น และมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทย
เลขาธิการ ป.ป.ส. ยังได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานของ สถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด (สวพ.) ซึ่งมีหน้าที่ในการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด โดยรับตรวจของกลางยาเสพติดจากทั่วประเทศ ซึ่ง สวพ. ยังมีความร่วมมือกับตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลียที่สนับสนุนงบประมาณและการฝึกอบรมการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด ภายใต้โครงการ AMPLIO ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดซื้อและติดตั้งเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาศักยภาพในการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด รวมถึง สวพ. ยังได้จัดการฝึกอบรมด้านการตรวจพิสูจน์ยาเสพติดให้กับ
นักวิทยาศาสตร์ สปป. ลาว เพื่อส่งเสริมศักยภาพการดำเนินงานตามแผนการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการนี้ ฝ่ายอิตาลีได้แสดงความสนใจที่จะมาศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลวิชาการด้านการตรวจพิสูจน์ยาเสพติดกับ สวพ. รวมถึงมีหลักสูตร
ฝึกอบรมครอบคลุมด้านปราบปรามอาชญากรรมในหลายมิติ เช่น การปราบปรามองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ การปราบปรามการค้ามนุษย์
การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและไซเบอร์ และการปราบปรามการค้ายาเสพติด โดยในห้วงเดือนพฤษภาคม 2567 มีหลักสูตร
ด้านองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ณ เมือง Calasetta สาธารณรัฐอิตาลี เพื่อส่งเสริมศักยภาพและสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านอาชญากรรม
ข้ามชาติและยาเสพติดระหว่างผู้แทนที่มาจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั่วโลก ซึ่งฝ่ายอิตาลีจะมีหนังสือเชิญเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของ สำนักงาน ป.ป.ส. จำนวน 1 นาย เพื่อเข้าร่วมการฝึกอบรมดังกล่าวในโอกาสต่อไป และเนื่องจาก สำนักงาน ป.ป.ส. ได้จัดตั้งวิทยาลัยป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เลขาธิการ ป.ป.ส. จึงได้เชิญให้ฝ่ายอิตาลีสนับสนุนวิทยากรในการฝึกอบรมให้กับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในภูมิภาคเพื่อส่งเสริมศักยภาพในการดำเนินงานด้านการควบคุมยาเสพติด และเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านยาเสพติดร่วมกัน
ในอนาคต โดย พลจัตวา นิโคลา กัลโล ยินดีที่จะเป็นผู้ประสานงานด้านยาเสพติด และให้การสนับสนุนความร่วมมือในทุกด้านของ
สำนักงาน ป.ป.ส. อย่างเต็มที่ต่อไป






