“สมศักดิ์” ปิดหลักสูตร “อินทรีย์ 19” รุ่นที่ 4 เสริมเขี้ยวเล็บ ให้ป.ป.ส.-เมียนมา ร่วมปราบยาเสพติดเข้มข้น ยกระดับต่อสู้ขบวนการค้ายา ที่ใช้อาวุธหนัก หวัง ช่วยปราบยาแนวชายแดนได้มากขึ้น โชว์ 3 รุ่นที่ผ่านมา ช่วยสนับสนุนจนท.-รถหุ้มเกราะ ล่าผู้ค้ายายิงตำรวจเสีย

เมื่อวันที่ : 6 ก.พ. 2566 00:00
หน่วยงาน : สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
4 ครั้ง
“สมศักดิ์” ปิดหลักสูตร “อินทรีย์ 19” รุ่นที่ 4 เสริมเขี้ยวเล็บ ให้ป.ป.ส.-เมียนมา ร่วมปราบยาเสพติดเข้มข้น ยกระดับต่อสู้ขบวนการค้ายา ที่ใช้อาวุธหนัก หวัง ช่วยปราบยาแนวชายแดนได้มากขึ้น โชว์ 3 รุ่นที่ผ่านมา ช่วยสนับสนุนจนท.-รถหุ้มเกราะ ล่าผู้ค้ายายิงตำรวจเสีย

20230206-01_oncbthai_01.jpg

 

          วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 เมื่อเวลา 09.00 น. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีปิดการฝึกอบรม
หลักสูตรเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษ “อินทรีย์ 19” รุ่นที่ 4 โดยมี นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. พลตรี ซิน มีน ทัก ผู้บัญชาการตำรวจ
แห่งสหภาพเมียนมา พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พลตำรวจจัตวา วิน หน่าย เลขาธิการคณะกรรมการกลางว่าด้วยการควบคุมยาเสพติดแห่งสหภาพเมียนมา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ที่กองกำกับการต่อต้านการก่อการร้าย (อรินทราช 26)

          นายวิชัย กล่าวรายงานว่า สำนักงาน ป.ป.ส. ได้จัดโครงการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษ “อินทรีย์ 19” รุ่นที่ 4 เพื่อรองรับภารกิจทางยุทธวิธีขั้นสูง โดยมีผู้ผ่านการทดสอบร่างกายเข้าเป็นนักเรียน จำนวนทั้งสิ้น 42 นาย ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จากสหภาพเมียนมา จำนวน 20 นาย เจ้าหน้าที่จากสำนักงาน ป.ป.ส.  เจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่จากศูนย์รักษาความปลอดภัย รวมจำนวน 22 นาย โดยกำหนดการฝึกอบรมทั้งสิ้น 30 วัน ระหว่างวันที่ 8 มกราคม -6 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่ง“อินทรีย์ 19”ได้มีการฝึกอบรมไปแล้วจำนวน 3 รุ่น มีผู้สำเร็จการฝึกจำนวน 103 นาย

          โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับผู้สำเร็จการฝึกอบรม หลักสูตรเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษ “อินทรีย์ 19”รุ่นที่ 4 ทุกท่าน
ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ขบวนการค้ายาเสพติด ได้พัฒนารูปแบบการต่อสู้และขัดขวางเจ้าหน้าที่อย่างรุนแรงมากขึ้น เช่น นำอาวุธที่มีอานุภาพสูง
มาใช้ในการคุ้มกันการขนส่งยาเสพติด ทำให้ ป.ป.ส. ต้องยกระดับเจ้าหน้าที่ ด้วยการตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษ อินทรีย์ 19 ขึ้น ตั้งแต่ปี 2563
เพื่อรองรับภารกิจในการปฏิบัติการทางยุทธวิธีขั้นสูง โดยใช้หลักสูตร ร่วมกับหน่วยอรินทราช 26 อย่าง การตรวจค้นจับกุมคนร้ายที่มีอาวุธ
ร้ายแรง การเข้าอาคารที่คนร้ายมีอาวุธหลบซ่อน หรือ การสกัดคนร้ายที่ใช้ยานพาหนะหลบหนี

          นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ผู้ที่ผ่านการอบรมทั้ง 3 รุ่น สามารถออกไปปฏิบัติภารกิจสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ และกลายเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญ ในการปราบปรามยาเสพติด เช่น ภารกิจคุ้มครองพยานในคดียาเสพติด ถวายสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ครั้งยังทรงดำรงตำแหน่งอัยการพิเศษคดียาเสพติด สำนักงานอัยการสูงสุด , ชุดอินทรีย์ 19 พร้อมรถหุ้มเกราะกันกระสุน สนับสนุนภารกิจ ไล่ล่า
แก๊งค์ยาเสพติด จากแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ยิงตำรวจ “สารวัตรบอล”เสียชีวิต ที่จังหวัดเชียงใหม่ ,ภารกิจจู่โจมทลายโกดังพักเก็บ
ยาเสพติด ในพื้นที่อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 5 คน พร้อมของกลางยาบ้า 4.3 ล้านเม็ด ยาไอซ์
290 กิโลกรัม , ภารกิจจับกุมเครือข่าย “จง สิงหนคร” ที่ใช้อาวุธหนักต่อสู้เจ้าหน้าที่ เช่น ปืนกลมือ ปืนลูกซอง

          “จากสถานการณ์ยาเสพติดในปัจจุบัน พบว่า เครือข่ายการค้ายาเสพติด ได้มีการกระทำความผิดในรูปแบบขององค์กร อาชญากรรม ระหว่างประเทศ ดังนั้น จึงให้สำนักงาน ป.ป.ส. ปรับหลักสูตรโดยให้มีเจ้าหน้าที่จากประเทศในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ได้เข้ามามีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาทักษะของเจ้าหน้าที่ด้านการปราบปรามยาเสพติดไปพร้อมกัน ซึ่งการปรับปรุงหลักสูตรนี้ ได้เริ่มจากการฝึกร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ ไทย - สปป.ลาว และครั้งนี้ เป็นการประสานความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ไทย - เมียนมา โดยที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของทั้งสองประเทศ ได้ร่วมมือกันปราบปราม
ยาเสพติดเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ภายใต้โครงการแม่น้ำโขงปลอดภัย สามารถจับกุมคดียาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ได้จำนวนมาก
รวมถึงการจับกุมผู้ต้องหาที่หลบหนีหมายจับ อย่าง ในปี 2565 ถึง ปัจจุบัน สามารถจับกุม คดียาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่เป้าหมายของการปฏิบัติการ ได้ 1,373 คดี ผู้ต้องหา 2,304 คน ของกลางยาบ้า 559 ล้านเม็ด ไอซ์ 23,146 กิโลกรัม และสกัดกั้นสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ไม่ให้ไปยัง
แหล่งผลิต จำนวน 351,230 กิโลกรัม” รมว.ยุติธรรม กล่าว

          นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า จะเห็นได้ว่า ผู้ที่ผ่านการอบรม “อินทรีย์ 19” ได้เข้าไปมีบทบาทสำคัญ ในการสนับสนุนร่วมปราบปรามยาเสพติด ขบวนการผู้ค้ายาที่มีอาวุธรุนแรง ทำให้สามารถจับกุมกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดได้มากขึ้น ดังนั้น หลักสูตรนี้ จึงถือเป็นอีกเครื่องมือสำคัญ ในการ
ปราบปรามยาเสพติด ตามนโยบายของรัฐบาล ที่ได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นอย่างมาก รวมถึงการสร้างความร่วมมือกับประเทศในภูมิภาคนี้
ให้สามารถปราบปรามเครือข่ายการค้ายาเสพติดร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งตนขอให้ผู้ที่สำเร็จการฝึกทุกนาย นำความรู้ ทักษะ
มาช่วยกันบูรณาการกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อทำให้การป้องกันปราบปรามยาเสพติด ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยทำให้มีการขยายผลยึดอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายผู้ค้ายาได้มากขึ้นตามไปด้วย
 

 

20230206-01_oncbthai_02.jpg

20230206-01_oncbthai_03.jpg

20230206-01_oncbthai_04.jpg

20230206-01_oncbthai_06.jpg

20230206-01_oncbthai_07.jpg

20230206-01_oncbthai_08.jpg

20230206-01_oncbthai_09.jpg

20230206-01_oncbthai_10.jpg

20230206-01_oncbthai_11.jpg

20230206-01_oncbthai_12.jpg

20230206-01_oncbthai_13.jpg

20230206-01_oncbthai_14.jpg

20230206-01_oncbthai_15.jpg

20230206-01_oncbthai_16.jpg

20230206-01_oncbthai_17.jpg

20230206-01_oncbthai_18.jpg

20230206-01_oncbthai_20.jpg

20230206-01_oncbthai_21.jpg

20230206-01_oncbthai_22.jpg

YouTube Instagram TikTok X Threads search download
Q&A FAQ