"สมศักดิ์"ขันน็อต "คตส."ยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดตามกม.ใหม่
แนะมองภาพใหญ่มูลค่าสูงถึง 2 ล้านล้านบาทเพื่อเดินถึงเป้า 1 แสนล้าน
เล็งหากหวนนั่งรมว.ยธ. จะตั้งเป้าทวีคูณ ขอบคุณ"ชูวิทย์"กล้าเป็นพลเมืองดีแจ้งเบาะแส
เตรียมรับรางวัล 5% หลักร้อยล้านบาท มั่นใจต่างชาติโยกทรัพย์หนีไม่ได้
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.65 เวลา 09.30 น. ที่สำนักงาน ป.ป.ส.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการยุติธรรม เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อบูรณาการทำงานและความเข้าใจในการยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน โดยมี 11 หน่วยงาน
อาทิ นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายจรูญ ธีรนานนท์ รักษาการอธิบดีอัยการสำนักงานคดียาเสพติด สำนักงานอัยการสูงสุด นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูล รองเลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด
และคณะกรรมการเข้าร่วมการประชุม
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การประชุมกับคตส.ในวันนี้ เพื่อทำความเข้าใจร่วมกันในการปราบปรามยาเสพติด และให้ทุกหน่วยงานทำความเข้าใจประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ ที่มีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2564 หลังจากที่เราใช้เวลาถึง 7 ปีจนจัดทำสำเร็จ เพราะถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตนขอให้คตส.เห็นถึงความสำคัญของเครื่องมือนี้ เพราะก่อนที่ตนเข้ามาเป็นรัฐมนตรี อายัดทรัพย์
ได้ไม่เกินปีละ 900 ล้านบาทเท่านั้น ทั้งที่ข้อมูลของ UNODC รายงานถึงมูลค่ายาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำมีมากถึงปีละประมาณ
2 ล้านล้านบาทน้อยกว่างบประมาณของประเทศเราเล็กน้อยเท่านั้น สิ่งนี้ทำให้เห็นว่าเครือข่ายยาเสพติดได้กระจายไปทั่วโลก
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนอยากให้ คตส. ได้เห็นภาพรวมของมูลค่าที่มีมากขนาดนี้ แต่เราส่งศาลเพื่อยึดได้เพียงปีละ 20-30 ล้านบาท
เท่านั้น สิ่งนี้แย่มากๆ เพราะจะทำให้ลูกหลานของเราและประเทศ จมอยู่กับกองยาเสพติดนอกจากการยึดทรัพย์สินแล้ว ตนมองว่ายังไม่พอ
เราต้องบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนไหนที่เราดำเนินคดีไม่ได้ ต้องส่งต่อให้ ปปง. และกรมสรรพากร เพื่อตรวจสอบด้านอื่นให้ครบวงจร ไม่เช่นนั้นลูกหลานเราจะไปต่อไม่ได้ส่วนตัวเลขที่ตนตั้งเป้า 1 แสนล้านบาท สื่อมวลชนยังไม่ให้ความสนใจ เพราะมองว่าทำไม่ได้
"วันนี้ก็มีคนกล้าแจ้งเบาะแสเครือข่ายยาเสพติดขนาดใหญ่แล้ว ขณะนี้ผ่านมา 2 เดือน ยึดอายัดทรัพย์ได้แล้ว 6,879 ล้านบาท ในช่วงต้นอาจจะล่าช้าเพราะต้องให้เวลากับเจ้าหน้าที่ทำความเข้าใจกับกฎหมายใหม่ หากเข้าใจแล้ว การทำงานจะเร็วและเป็นไปตามเป้าหมาย เพราะการอายัดทรัพย์ นอกจาก จะมี คตส. คณะใหญ่แล้ว ยังมีคณะอนุฯ ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งปีหน้า หากตนกลับมาที่กระทรวงยุติธรรมอีก จะไม่กำหนด
เป้าหมายแค่ 1 แสนล้านบาท แต่จะต้องเพิ่มแบบเลขยกกำลังเป็นหลายแสนล้านบาท"นายสมศักดิ์ กล่าว
จากนั้น นายสมศักดิ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ตนต้องชื่นชมคนแบบ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่กล้าแจ้งเบาะแสเครือข่ายยาเสพติด
รายใหญ่ เป็นหนึ่งในตัวอย่างของผู้ที่เป็นพลเมืองดีที่มีความกล้า ซึ่งนายชูวิทย์ ก็จะได้รับรางวัล 5% ของมูลค่าทรัพย์สินของกลุ่มจีนเทาด้วย
หากมูลค่าทรัพย์ประมาณ 2,000 ล้านบาท นายชูวิทย์ก็จะได้รางวัล 100 ล้านบาท ส่วนกรณีข้อสงสัยถึงการโยกทรัพย์สินไปยังต่างประเทศ ตรงนี้ไม่ต้องห่วง เพราะเราได้มีการสืบทรัพย์ไว้แล้วสามารถประสานไปยังประเทศปลายทางได้ และตามประมวลกฎหมายยาเสพติด เรามีอำนาจในการสืบและตามยึดทรัพย์กลับมาได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปีหน้าหลังการเลือกตั้ง นโยบายการยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติด จะถูกขับเคลื่อนต่อหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ขอให้มั่นใจได้ว่ากระทรวงยุติธรรม มีเจ้าหน้าที่ที่เข้มแข็ง เช่น ปลัดกระทรวง หรือหน่วยงานป.ป.ส. ที่เข้าใจงานอย่างถ่องแท้ จะสานต่องานด้านนี้ได้ และยังมีกฎหมายที่เป็นเครื่องมือหลัก เป็นปืนใหญ่ต่อสู้ยาเสพติด ดังนั้นไม่ว่าใครจะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เราก็ยังมีเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้คอยขับเคลื่อนต่อไปได้รวมถึงยังมีพลเมืองดี อย่างนายชูวิทย์ ตามมาอีกเรื่อย ๆ