แผนความร่วมมือระหว่างประเทศ พม่าตรวจยึดยาเสพติดก่อนทะลักเข้าไทย

เมื่อวันที่ : 29 พ.ย. 2565 00:00

หน่วยงาน : สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

4 ครั้ง

แผนความร่วมมือระหว่างประเทศ พม่าตรวจยึดยาเสพติดก่อนทะลักเข้าไทย

                   พลตำรวจจัตวา วิน หน่าย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และเลขาธิการร่วม CCDAC เมียนมา มีหนังสืออย่างเป็นทางการถึง เลขาธิการ ป.ป.ส. ถึงผลการจับกุมโรงงานผลิตยาเสพติดในประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2565 เจ้าหน้าที่ทหารเมียนมา และ          เจ้าหน้าที่ CCDAC เมียนมา ปะทะขบวนการค้ายาเสพติด ในพื้นที่บ้านน้ำปุ่งใหม หรือบ้านนายาว เมืองกาน จังหวัดเมืองสาด รัฐฉาน ประเทศเมียนมา พร้อมจับกุม 8 ผู้ต้องหา และตรวจยึดยาเสพติด พร้อมอาวุธปืน และอุปกรณ์การผลิตได้เป็นจำนวนมาก

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวถึง “แผนความร่วมมือระหว่างประเทศ เมื่อไม่นานมานี้ทางการเมียนมามีหนังสือ อย่างเป็นทางการถึง เลขาธิการ ป.ป.ส. ถึงผลการจับกุมคดียาเสพติดที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการได้จำนวน 8 ราย พร้อมยึด ยาเสพติดและอุปกรณ์การผลิตรวมทั้งสิ้น จำนวน 19 รายการ คิดเป็นมูลค่า 2.11 พันล้านจ๊าด (Kyats) โดยของกลางที่ยึดได้ ได้แก่ ยาบ้า ชนิดเม็ด รวม 2,733,000 เม็ด น้ำหนัก 273.3 กิโลกรัม ยาบ้าชนิดผง น้ำหนัก 253 กิโลกรัม ฝิ่นดิบ บรรจุในกระสอบ น้ำหนัก 3 กิโลกรัม คาเฟอีนชนิดผง บรรจุในถุงพลาสติก น้ำหนัก 29 กิโลกรัม ผงวนิลลาบรรจุในถุงพลาสติก น้ำหนัก 31.6 กิโลกรัม ยาแก้ไอ จำนวน 126 ขวด น้ำหนักประมาณ 12.6 ลิตร สีผสมอาหารน้ำหนัก 35 กิโลกรัม เครื่องอัดเม็ดยาบ้า สามารถอัดเม็ดยาบ้าได้ครั้งละ 19 เม็ด 1 เครื่อง หัวตอกยาบ้า อาวุธปืน ลูกกระสุนปืน และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการผลิตยาเสพติด

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวเพิ่มอีกว่า ตามนโยบายของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เน้นย้ำการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การสืบสวนขยายผลเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับที่ทางการ ป.ป.ส. เมียนมาได้ขอความร่วมมือ ป.ป.ส. ไทย ในการตรวจสอบ 2 ผู้ต้องหา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหลบหนี เพื่อดำเนินการสืบสวนหาทรัพย์สินที่เชื่อว่ามีทรัพย์สินจำนวนมากอยู่ที่ประเทศไทย อาทิ บัญชีเงินฝากธนาคาร ทรัพย์สินอื่นๆ เพื่อมาขยายผลจับกุมและยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องให้ได้ทั้งเครือข่าย ซึ่ง ในตอนท้ายของหนังสือ ทาง ป.ป.ส. เมียนมา ได้เน้นย้ำการให้ความสำคัญตระหนักถึงปัญหายาเสพติด ที่ส่งผลกระทบและพร้อมสนับสนุนประเทศไทยอย่างเต็มที่ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติด ในภูมิภาคต่อไป