เมื่อวันพุธที่ 20 กรกฎาคม 2565 นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(เลขาธิการ ป.ป.ส.) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยและประธานการประชุมทวิภาคีไทย - มาเลเซีย ความร่วมมือด้านการปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ 40 โดยมี CP Dato’ Ayob Khan Bin Mydin Pitchay ผู้บัญชาการกรมสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมยาเสพติด (Narcotics Crime Investigation Department: NCID) สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนมาเลเซียและประธานการประชุมร่วม พร้อมผู้เข้าร่วมประชุมจากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ณ โรงแรมริเวอร์รี่ บาย กะตะธานี จังหวัดเชียงราย
โดยในช่วงเช้าเป็นการประชุมระดับปฏิบัติการ (Operation Level) ซึ่งนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. มอบหมายให้ นายปฤณ เมฆานันท์ นักสืบสวนสอบสวนเชี่ยวชาญ ในฐานะประธานร่วมกับผู้แทนฝ่ายมาเลเซีย นาย ACP Choong Kok See ผู้ช่วย ผู้อำนวยการ สำนักวิเคราะห์ข่าวกรอง NCID ซึ่งที่ประชุมได้ รับทราบสถานการณ์ยาเสพติดของประเทศไทยและมาเลเซีย โดยในปัจจุบันมีแนวโน้มพบสถานการณ์การลักลอบนำเข้าและส่งออกกัญชาระหว่างชายแดนไทยและมาเลเซียเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารทั้งเรื่องประมวลกฎหมายยาเสพติด และการปลดล็อคพืชยาเสพติดในไทย
สำหรับช่วงบ่ายเป็นการประชุมระดับนโยบาย (Policy Level) นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. หัวหน้าคณะผู้แทนไทยและประธานการประชุม ได้นำเสนอผลการประชุมในช่วงเช้าแก่ที่ประชุม และที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ทั้งสองฝ่ายเสริมสร้างความร่วมมือใน การแลกเปลี่ยนข้อมูลคดียาเสพติด การขยายผลหาเครือข่ายยาเสพติดที่เกี่ยวข้องและช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องข้อมูลการข่าวระหว่างกันเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการดำเนินงาน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ให้ความสำคัญในการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านแลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องยาเสพติด และบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อยึดทรัพย์ ตัดวงจรเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดให้ได้ทั้งหมด
นอกจากนี้ นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ปปส. ได้กล่าวยืนยันความตั้งใจของรัฐบาลที่คุมเข้มสกัดกั้นการลักลอบลำเลียง ยาเสพติดฝ่ายชายแดนของทั้งสองประเทศเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยนำประมวลกฎหมายยาเสพติดมาใช้ และความพยายามในการควบคุม การใช้ประโยขน์กัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้น เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ยังได้กล่าวขอบคุณฝ่ายมาเลเซียที่ได้ให้ความสนใจในหลักสูตรเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษ หรือ อินทรีย์ 19 ซึ่ง โดยทางฝ่ายมาเลเซียสนใจที่จะส่งบุคคลากรเข้าอบรมหลักสูตรอินทรีย์ 19 ในอนาคต เพื่อให้การปราบปรามยาเสพติดร่วมกันในภูมิภาคมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นต่อไป