วันที่ 12 เมษายน 2564 เวลา 09.00 น. ที่ หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน “การมอบนโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง” ภายใต้ยุทธการ พาลีปราบยา สืบสวน ขยายผล ยึดทรัพย์สิน เครือข่ายยาเสพติด โดยมี นายวิรุฬพรรณเทวี ผู้ว่าราชการสุโขทัย พล.ต.ท.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผบช.ภาค 6 พล.ต.ต.พยูฬ์ ธนะศรีสืบวงศ์ รองผบช.ภาค 6 นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. นายมนู พุกประเสริฐ นายก อบจ.สุโขทัย นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ นายชูศักดิ์ คีรีมาศทอง ส.ส.สุโขทัย พรรคพลังประชารัฐ ผู้บังคับการในสังการตำรวจภูธรภาค 6 ข้าราชการตำรวจและตัวแทนกองทุนแม่ของแผ่นดินร่วมงาน
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในแนวทางของรัฐบาลได้ดำเนินการแนวทางของการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมาโดยตลอด และดำเนินการมาในรูปแบบคล้ายกันแทบทุกรัฐบาล และเราเห็นว่าปัญหาปราบยาเสพติด ยิ่งปราบยิ่งเยอะ ทำให้เราต้องคิดและดำเนินการว่าจะทำอย่างไรให้น้อยลง การดำเนินการตรงนี้ในมาตรการของการปราบปรามยาเสพติดไม่ได้มีแค่ส่วนนี้ส่วนเดียว การแพร่ระบาดของยาทำให้มีคนติดคุกจำนวนมาก ปัจจุบันมีผู้ต้องขังคดียาเสพติดถึง 80% ทำให้คนล้นคุกเกิดความแออัด ซึ่งตนได้เข้าไปแก้ปัญหาให้ความแออัดลดน้อยลง คนค้ายาส่วนใหญ่สมองดี เป็นนักธุรกิจ ค้าขาย อยากได้เงินเร็ว บางคนทำผิดซ้ำถึง 9 ครั้ง วิธีการที่เราจับอย่างเดียวอาจไม่สัมฤทธิ์ผลสถิติปีหนึ่งมูลค่ายาเสพติดจากสามเหลี่ยมทองคำมากถึง 2.1 ล้านล้านบาท ซึ่งเราจับมาเผากันไม่ไหว โรงงานผลิตอยู่นอกประเทศเรา เรามีความร่วมมือกับกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง 6 ประเทศ จับมือร่วมกันปราบปรามสารตั้งต้น แต่ตนยังไม่พอใจเพราะเราจับได้แต่ยา ที่ผ่านมาเรายึดเงินจากผู้ค้ายาได้ไม่เกิน 600 ล้านบาทต่อปี แต่เราใช้งบบูรณาการ 6,000 กว่าล้านบาท ดังนั้นเราจึงต้องเน้นการขยายผลการยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติด
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในอีกส่วนคือเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายต่างๆ ที่เรากำลังจัดทำประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ที่กำลังอยู่ในการพิจารณาของรัฐสภา ซึ่งจะทำให้งานต่างๆมีความคล่องตัวมากขึ้น และเราต้องมีการให้ความรู้กับเด็กและเยาวชน การสร้างความปลอดภัยให้กับหมู่บ้านเก็บข้อมูลสืบสาวเรื่องไปต้นตอใหญ่ และเราจะต้องมีการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด และสุดท้ายมาตรการทุกอย่างจะต้องบูรณาการร่วมกัน ในอดีตรัฐบาลแก้ปัญหาแต่ปลายเหตุ ตนหารือกับ ป.ป.ส.ว่าที่ทำมาเป็นบันไดขั้นที่ 1 วันนี้เราจะขึ้นบันไดขั้นที่ 2 หากประมวลกฎหมายยาเสพติดผ่านรัฐสภา เราจะมีประสิทธิภาพมาขึ้นในการป้องกันปราบปราม วันนี้เราตั้งเป้าการยึดทรัพย์ยาเสพติดไว้ 6,000 ล้านบาท และได้ตั้งคณะทำงานชุดพิเศษ "พาลีปราบยา" มี 16 คณะ ทำงานและประชุมร่วมกันทุกสัปดาห์ แต่เดิมตัวชี้วัดเราดูที่เม็ดยา แต่ตนได้ขอเปลี่ยนเป็นการยึดทรัพย์เป็นหลัก ในวันนี้ท่านมองดูอาจจะยากเพราะยังไม่เคยทำ แต่เรามีฐานข้อมูลต่าง ๆอยู่แล้ว
"การปราบปรามยาเสพติด เกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วน ท่านทั้งหลายไม่ต้องหนักใจกับเป้าหมายการยึดทรัพย์ หากท่านฟังเราอธิบายสัก 1-2 สัปดาห์ก็ทำได้แล้ว ซึ่งทุกท่านมีฝีมือในการทำงานค่อย ๆสาวจากรายเล็กไปยังราบใหญ่ เชื่อว่าทุกท่านทำได้อย่างแน่นอน ผมต้องขอขอบคุณทุกท่านที่มารับฟังนโยบายรัฐบาล เราพร้อมปรับเปลี่ยนและพัฒนาเพื่อลูกหลานชาวไทย กับบันไดขั้นที่ 2 ที่เรากำลังจะก้าวขึ้นไป หากมีข้อสงสัยตรงจุดใดสามารถสอบถามมาได้เลยเราพร้อมที่จะช่วยอธิบายให้ทุกท่านได้เข้าใจ" นายสมศักดิ์ กล่าว