"นายกฯ" วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ มอบนโยบายยึดทรัพย์ยาเสพติด ชี้ผลงานที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจ เชื่อมีศักยภาพทำสำเร็จได้ แนะตั้งเป้าหมาย-เข้าใจปัญหายาเสพติดอย่างถ่องแท้ เตือน จนท.รัฐ พัฒนาตัวเอง หลังพบเครือข่ายยาเสพติดมีความซับซ้อนมากขึ้น

เมื่อวันที่ : 17 ก.ค. 2563 00:00
หน่วยงาน : สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
16 ครั้ง
"นายกฯ" วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ มอบนโยบายยึดทรัพย์ยาเสพติด ชี้ผลงานที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจ เชื่อมีศักยภาพทำสำเร็จได้ แนะตั้งเป้าหมาย-เข้าใจปัญหายาเสพติดอย่างถ่องแท้ เตือน จนท.รัฐ พัฒนาตัวเอง หลังพบเครือข่ายยาเสพติดมีความซับซ้อนมากขึ้น

prayut-con-17-07-63-1.jpg
 

          เมื่อวันที่ 17 ก.ค.63 เวลา 13.00 น. ที่โรงแรมฮอไรซัน วิลเลจ แอนด์ รีสอร์ท จ.เชียงใหม่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มอบนโยบาย “ทําอย่างไรจึงจะ ยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติดได้ 6,000 ล้านบาท ในปี 2564”
 
          โดยมีนายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พล.ต.อ. สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีดีเอสไอ นายดุลยพิชัย มหาวีระ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดียาเสพติด สำนักงานอัยการสูงสุด พล.ท.เศรษฐพล เกตุเต็ม รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ (ศอ.บส.ชน.) นายรัฐพล นราดิศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ต.บุญยืน อินกว่าง รองแม่ทัพน้อยภาคที่ 3 และรองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต     รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เข้าร่วมประชุม
 
          พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้วีดีโอคอนเฟอเรนซ์จากทำเนียบรัฐบาล เข้าที่ประชุมเพื่อมอบนโยบายการขยายผลยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล   ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด อธิบดีอัยการภาค 1-9 อธิบดีกรมสรรพากร และเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กล่าวว่า ที่ผ่านมาการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่เป็นการจับกุมผู้ค้ารายย่อย ซึ่งมีการขยายผลไปสู่การจับกุมยึดทรัพย์สินนายทุนและเครือข่ายยาเสพติดยังน้อยอยู่ ส่งผลให้ยังคงมีปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดปรากฏอยู่ เพราะแหล่งเงินสนับสนุนไม่ได้ถูกทำลายอย่างถอนรากถอนโคน
 
          พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา ตนได้ติดตามการดำเนินงานด้านการปราบปรามยึดทรัพย์และตัดวงจรการค้ายาเสพติด รวมทั้งการฟอกเงิน ซึ่งผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ ด้วยการทำงานอย่างเสียสละ และทุ่มเทของทุกๆ ฝ่าย ภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด และคณะทำงานพิเศษอีก 2 คณะ ที่เน้นการขับเคลื่อนตามนโยบายอย่างบูรณาการกัน ทั้งแผนงาน งบประมาณ และบุคลากร ซึ่งเชื่อว่า เรามีศักยภาพมากพอ ที่จะสามารถยกระดับความสำเร็จในการทำงาน ให้สมกับที่ประชาชนได้ฝากความหวังไว้กับพวกเราทุกคน โดยทุกหน่วยงาน จะต้องตั้งเป้าหมาย กำหนดตัวชี้วัดเพื่อเป็นหลักใช้ในการทำงานอยู่เสมอ นอกจากนี้ ในระดับปฏิบัติ ก็จะต้องมีความเข้าใจปัญหายาเสพติด ในบริบทของพื้นที่ที่รับผิดชอบของตนเองอย่างถ่องแท้ ให้สามารถแก้ไขปัญหา ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง รวมถึงวิเคราะห์เครือข่ายยาเสพติดอย่างรู้เท่าทัน เนื่องจากเครือข่ายยาเสพติดมีพัฒนาการรูปแบบการทำธุรกรรมทางการเงินที่ทันสมัย ทันยุคดิจิทัล เช่น การซื้อขายออนไลน์ การโอนเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัล ผ่านแอปพลิเคชั่น หรือการฟอกเงินในรูปแบบที่เราอาจไม่รู้จักมาก่อน ซึ่งในปีหน้าและปีต่อๆ ไป ก็อาจจะมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงิน ที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยเจ้าหน้าที่รัฐ จำเป็นต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอ 
 
          พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่ออีกว่า วันนี้ตนขอมอบหลักการสำคัญ 3 ประการ เพื่อเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ ในภารกิจครั้งนี้ คือ 
          1. หลักกฎหมาย โดยขอให้กระทรวงยุติธรรม ป.ป.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดปรับปรุงมาตรการทางกฎหมายและแนวทางปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้น 
          2. หลักการบริหารจัดการแบบบูรณาการ โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัด ได้มีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานทั้งฝ่ายตำรวจ ทหาร อัยการ สรรพากร และหน่วยงานด้านการปราบปราม ในการดำเนินการตามนโยบายการขยายผลยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติด โดยสำหรับจังหวัดที่อยู่บริเวณชายแดน ก็ขอให้มีการประสานงานกับธนาคารในพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการโอนเงิน และเกิดการซื้อขายยาเสพติดข้ามประเทศเพื่อนบ้านด้วย 
          3. หลักการทำงานเชิงรุกและคิดเชิงระบบ โดยให้แต่ละจังหวัดมีการตั้งเป้าการยึดทรัพย์สิน รวมถึงมีแผนงานรองรับ รวมทั้งมีการจัดทำแผนผังความเชื่อมโยงของเครือข่ายและเส้นทางการเงินของนักค้ายาเสพติด เพื่อนำไปสู่การใช้มาตรการด้านการฟอกเงินและมาตรการทางภาษี นอกจากนี้ ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นสำคัญ รวมถึงต้องรู้ให้เท่าทันเครือข่ายยาเสพติดอีกด้วย
 
          "ขอให้ทุกท่านตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน เพราะประชาชนตั้งความหวังจากพวกเราอยู่ วันนี้เราต้องทำลายเครือข่ายยาเสพติดให้ได้ "   นายกฯกล่าว
 
///ด้านสมศักดิ์ยันไม่ยอมเสียชื่อ ตั้งเป้ายึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดให้ได้มากกว่าเดิม 10 เท่า เชื่อ หากทำตามนโยบายทะลุเป้าแน่นอน
 
          นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวมอบนโยบายว่า “การดำเนินการของศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และกระทรวงยุติธรรม ในช่วงแรกมีความรู้สึกว่างานนี้น่าหนักใจมาก เพราะเราเห็นถึงขบวนการยาเสพติดที่มีการพัฒนา โดยเฉพาะยาบ้าที่มีจำนวนมากในบ้านเรา ซึ่งแม้เราจะปราบปรามมาก แต่หากปราบปรามอย่างเดียวเราจะเหนื่อยมาก เรื่องนี้นายกฯให้ความสนใจและได้กำชับลงมา ตอนนี้ยาเสพติดมีสารตั้งต้นเป็นสารเคมีทำให้ต้นทุนราคาถูกมาก ผิดกับสมัยก่อนที่มาจากพืช แต่สถิติของผู้ต้องหาคดีเสพและผู้เข้ารับการบำบัดลงลดในหลายปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดีขึ้นมาก ซึ่งการปราบปรามต้องทำแนวทางใหม่เพื่อลดการสูญเสีย คือ การปราบปรามทางธุรกรรมทางการเงิน 
 
          นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า “มูลค่าของยาเสพติดในแต่ละปีมีมากถึง 1.8 ล้านล้านบาท แต่ปีหนึ่งๆ เรายึดมาได้เพียง 6-700 ล้านบาทเท่านั้น โดยตัวเลขวันนี้เราสามารถยึดทรัพย์ได้ถึง 1 พันล้านบาทเแล้ว ซึ่งตนบอกว่าจะเอาให้ได้ 2 เท่าจากปีที่แล้วที่ทำได้ 6-700 ล้านบาทก็ประมาณ 1,400 ล้านบาท ขณะนี้ถือว่าใกล้แค่เอื้อม และเป็นแนวทางใหม่ของการยึดทรัพย์ ซึ่งได้ตั้งเป้าให้ได้มากกว่าเดิม 10 เท่า โดยกลุ่มเป้าหมาย คือ 
          1. ดูจากเครือข่ายยาเสพติดที่เราไปจับมา หรือจังหวัดต่างๆ ผู้ว่าฯคงจะรู้แล้วว่าเป็นอย่างไรบ้าง 
          2. เครือข่ายที่ได้รับข้อมูลธุรกรรมที่น่าสงสัย จาก ป.ป.ง. 
นี่คือส่วนสำคัญที่เราจะไปถึง 10 เท่าได้ ซึ่งเราคงจะมีการเพิ่มเครื่องไม้เครื่องมืออีกเล็กน้อย และส่วนสุดท้าย คือ เครือข่ายที่หนีหมายจับ หรือคดียังไม่สิ้นสุด เราสามารถใช้เครื่องมือที่มีอยู่ไปตรวจสอบได้”
  
          นายสมศักดิ์ ยังกล่าวว่า วิธีดำเนินการคือ 
          1. ตั้งทีมสอบสวนโดยใช้เครื่องมือพิเศษ เชื่อมโยงกับทุกๆคดี 
          2. ตั้งหัวหน้าผู้รับผิดชอบ ที่ได้รับการฝึกอบรมแล้วมาดูแล 
          3. การประเมินมูลค่ายาเสพติดตามมูลค่าจริง และตามยึดทรัพย์ในส่วนของมูลค่าที่เหลือจากการจับกุม 
ส่วนเป้าหมายของการดำเนินการ คือ แจ้งข้อหากับผู้ร่วมขบวนการ ให้การช่วยเหลือให้ได้ทุกคดี จากเดิมที่แจ้งดำเนินคดีได้เพียง 10% และยังต้องแจ้งข้อหาการฟอกเงิน ข้อหาฟอกเงินหลีกเลี่ยงภาษี เลี่ยงภาษีตามประมวลรัชฎากร และแจ้งอาญัติทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดให้ได้ไม่น้อยกว่า 10 เท่าของปีที่ผ่านมา หรือ 6-7 พันล้านบาท ตนเชื่อว่าหากดำเนินการตามแนวทางนี้เราทำได้แน่นอนและอาจจะถึงหมื่นล้าน ซึ่งเราก็ตั้งเป้าว่า แต่ละจังหวัดจะยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดได้ประมาณจังหวัดละ 100 ล้านบาท ซึ่งบางจังหวัดอาจจะได้เกินเป้าไปเยอะก็ได้ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องรางวัลนำจับ ซึ่งหากเราจับได้เยอะเงินรางวัลก็จะเยอะตามไปด้วย ถือเป็นสิ่งที่ดี ที่จะมีจูงใจให้ทุกคนช่วยกันแจ้งเบาะแส โดยประชาชนสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยแจ้งเบาะแสมาได้ที่สายด่วน สำนักงาน ป.ป.ส. 1386 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
 
prayut-con-17-07-63-2.jpg
 
prayut-con-17-07-63-4.jpg
 
prayut-con-17-07-63-3.jpg
YouTube Instagram TikTok X Threads search download
Q&A FAQ