ป.ป.ส. ชี้แจงความคืบหน้าการอนุญาตให้ใช้กัญชาในการรักษาโรค

จากกรณีมีกระแสบนสื่อสังคมออนไลน์เรียกร้องให้มีการอนุญาตให้ใช้กัญชา เพื่อใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ รวมถึงกระแสข่าวที่เครื่องดื่มยี่ห้อหนึ่งในต่างประเทศสนใจพัฒนาเครื่องดื่มกัญชาเพื่อสุขภาพ สำนักงาน ป.ป.ส. และหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องได้รวบรวมข้อมูล ศึกษา วิเคราะห์ ผลดี ผลเสีย และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เพื่อควบคุม การนำกัญชาไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ และอาจก่อเป็นกระแสการเข้าใจผิดของสังคมได้
ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ศอ.ปส.) ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อศึกษาวิเคราะห์มาตรการทางกฎหมายเกี่ยวกับพืชเสพติด โดยเห็นว่า ควรกำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5
ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ต่อไป โดยไม่อนุญาตให้มีการใช้ในเชิงสันทนาการ แต่เปิดช่องให้สามารถขออนุญาตศึกษาวิจัยกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้อย่างสะดวกและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ออกกฎกระทรวง เรื่อง การขออนุญาตและการอนุญาตผลิต จำหน่าย นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 4 หรือในประเภท 5 พ.ศ. 2559 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือวันที่ 6 ม.ค. 2560 กำหนดให้ผู้ที่มีความประสงค์ปลูก จำหน่าย นำเข้า ส่งออก หรือมีกัญชาไว้ในครอบครอง เพื่อการศึกษาวิจัย หรือเพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์ ต้องยื่นคำขอพร้อมด้วยเหตุผลความจำเป็น จำนวนหรือปริมาณ และหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พิจารณาอนุญาต
ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ดำเนินการเสนอร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีอำนาจอนุญาตให้ผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษ
ในประเภท 5 (กัญชา) เพื่อการศึกษาวิจัย หรือเพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ หรืออุตสาหกรรมได้ อีกทั้งยังมีอำนาจประกาศกำหนดชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (กัญชา) ซึ่งอนุญาตให้เสพเพื่อการรักษาโรค
หรือเสพเพื่อการศึกษาวิจัยได้โดยไม่เป็นความผิด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
.........
ผู้เสพ คือ ผู้ป่วย “สมัครใจเข้าบำบัด ไม่เสียประวัติ ไม่มีความผิด” แจ้งเบาะแสยาเสพติด สายด่วน ป.ป.ส. โทร.1386